หลังจากบรรดาคู่แข่งในกลุ่ม MPV ขนาดใหญ่ได้ทยอยเปิดตัว ทาง BYD Denza ก็ไม่รีรอที่จะเปิดตัว Denza D9 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2022 เพื่อมาชนกับ Voyah Dreamer และ Hongqi Q8 โดยมีทางเลือกทั้ง Plug-in hybrid และขุมพลังระบบไฟฟ้า 100% ในขณะที่คู่แข่งบางรุ่นยังใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบอยู่ เช่น Hongqi Q8 ในส่วนของ Voyah Dreamer ดูจะเป็นคู่แข่งที่ต่อกรกันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เนื่องจากมีเวอร์ชั่น EV ให้เลือก

BYD Denza เป็นความร่วมมือระหว่าง BYD และ Mercedes-Benz ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2010 ภายใต้ชื่อ Shenzhen BYD Daimler New Technology แต่ในปัจจุบัน ทาง Mercedes-Benz ได้ถอดหุ้นจาก 50% ลงเหลือ 10% ทำให้การดำเนินการส่วนใหญ่กลับมาเป็นของ BYD เมื่อย้อนเวลาไปพิจารณาความร่วมมือระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ จะพบว่าไม่ลงรอยกันอย่างต่อเนื่อง และมีความล่าช้าในการเข็นรถรุ่นใหม่ออกมาขาย

และสำหรับรถยนต์รุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปี 2014 ใช้ชื่อง่ายๆ เลยว่า Denza ในรูปแบบตัวถัง Hatchback ขุมพลังไฟฟ้า 100% ใช้พื้นฐานร่วมกับ Mercedes-Benz B-Class รุ่นที่ 2 รหัสตัวถัง W246 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2014 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จทางยอดขาย แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Denza 500 ในปี 2018 ก็ตาม หลังจากนั้นในปี 2019 จึงได้เปิดตัวรถ SUV รุ่น Denza X ที่ใช้งานวิศวกรรมร่วมกับ BYD Tang

 

งานออกแบบภายนอกโดยเฉพาะด้านหน้ามีความหรูหรา ภายใต้แนวคิด Into the Meteor Arrow โดยเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มาพร้อมกระจังหน้าคล้ายรถตู้ยอดนิยมในประเทศไทยจากแดนปลาดิบ ในขณะที่รุ่น EV จะได้รับกระจังหน้าอีกรูปแบบซึ่งเป็นแบบทึบ ซึ่งมาพร้อมกับลวดลายที่ต่างออกไป
ตัวรถถูกสร้างขึ้นบน e-platform 3.0 สำหรับรุ่น EV และ DM-i platform สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid

 

มิติตัวถัง:

  • ความยาว: 5,250มม.
  • ความกว้าง: 1,960 มม.
  • ความสูง: 1,920 มม.
  • ฐานล้อ: 3,110 มม.

 

ภายในมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่ เจอระบบ Infotainment จำนวน 7 ตำแหน่ง พร้อมระบบเชื่อมต่อที่รองรับการประชุมทางไกลแบบไร้สาย ด้วยกล้องความละเอียดสูง 8 Megapixels ตู้เย็นที่ติดตั้งระหว่างเบาะคู่หน้าเพื่อให้เบาะแถวที่ 2 ใช้งานได้อย่างสะดวก Wireless charger แบบ quick charge จำนวน 3 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่ยังมีจอ Heads-up display ที่แสดงข้อมูลได้ครบครันอีกด้วย

เบาะแถวที่ 1 และ 2 มาพร้อมระบบอุ่น และระบบระบายความร้อน เบาะแถวกลางติดตั้งระบบนวดผ่อนคลาย หน้าจอการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆภายในรถ และยังสามารถปรับตามสรีระได้หลากหลายถึง 10 ทิศทาง อีกทั้งยังหุ้มด้วยหนัง Nappa ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุไม้จริง เพิ่มความหรูหรา

การจัดเบาะนั่งยังสามารถเลือกเป็นเวอร์ชั่น 2+2 ที่นั่ง ซึ่งเน้นความสบายยามโดยสารขั้นสุด

 

ขุมพลังและระบบส่งกำลัง

รุ่น Plug-in hybrid
ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร พ่วง Turbocharger จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ระยะทางรวมทั้งโหมดไฟฟ้าและโหมดน้ำมันถึง 945-1040 กิโลเมตร และ 190 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ในโหมดไฟฟ้าล้วน พร้อมระบบชาร์จเร็ว 80 kW

รุ่น EV
มอเตอร์ไฟฟ้าให้ระยะทางสูงสุด 600 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ด้วยระบบชาร์จเร็ว 166 kW
สามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลังและ 4 ล้อ

มาพร้อมระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับ 2 (Denza Pilot) พร้อมเรดาห์ความละเอียดระดับ 5 มิลลิเมตร จำนวน 12 ชิ้น และ เรดาห์ Ultrasonic จำนวน 24 ตำแหน่ง และระบบถอยจอดอัตโนมัติ

 

BYD Denza D9 มีราคาจำหน่ายระหว่าง 335,000-445,000 หยวน (1,719,479-2,284,231 บาท) สำหรับรุ่น Plug-in hybrid
ในขณะที่รุ่น EV มีราคาจำหน่ายระหว่าง 390,000-460,000 หยวน (2,001,782-2,361,076 บาท) และรุ่นสูงสุด 4 ที่นั่ง มีราคาจำหน่าย 660,000 (3,387,631 บาท) ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 99 คัน

ที่มา: Carnewschina , Autohome