จากนโยบายส่งเสริมรถ EV ของภาครัฐ และผู้เล่นหน้าใหม่หลายค่ายโดดร่วมวงด้วยค่าตัวแค่กว่า 5 แสนบาท ชี้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งทยานเป็นแรงส่งชั้นดี

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ HeadLightMag.com ว่าแนวโน้มตลาดยานยนต์ไฟฟ้าจนถึงสิ้นปี 2565 นี้ จากปัจจัยเสริมหลายด้านที่มีเข้ามา คาดว่า จะส่งผลให้รถยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) มีโอกาสที่จะมียอดจดทะเบียนสูงถึง 10,000 คัน

“ตั้งแต่ปี 62 ที่ผ่านมาหลังจากเริ่มมีค่ายรถยนต์คือ MG เริ่มนำรถไฟฟ้า 100% เข้ามาจำหน่ายในไทยอย่างจริงจัง จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถประเภทนี้เริ่มได้รับการยอมรับในตลาดไทย จากนั้นในปี 63 เมื่อเกรทวอลเข้าสู่ตลาดไทย ความคึกคักของตลาดก็มากขึ้น สอดรับกับเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเมื่อภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมรถ BEV พร้อมกับการมาของรถไฟฟ้าในระดับราคา 500,000 กลางๆ รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง ได้กลายเป็นแรงส่งให้รถไฟฟ้า กลายเป็นอีกตัวเลือกของผู้ใช้รถ แม้ว่าผู้ใช้รถบางส่วนอาจยังไม่ใจในตัวผลิตภัณฑ์ และการรองรับของสถานีชาร์จก็ตาม แต่ก็ยังส่งผลให้ตลาดรถ BEV มียอดขายแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบสำคัญที่อาจเป็นตัวฉุดการเติบโต นั่นคือการซัพพลายชิ้นส่วนสำคัญอย่างชิป หรือเซมิคอนดักเตอร์”

 

สถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์ประเภทไฟฟ้า 100% (BEV) ปี 2555- 2565 

  • ปี 2555 จำนวน 7 คัน
  • ปี 2556 จำนวน 13 คัน
  • ปี 2557 จำนวน 5 คัน
  • ปี 2558 จำนวน 11 คัน
  • ปี 2559 จำนวน 2 คัน
  • ปี 2560 จำนวน 27 คัน
  • ปี 2561 จำนวน 56 คัน
  • ปี 2562 จำนวน 660 คัน
  • ปี 2563 จำนวน 1261 คัน
  • ปี 2564 จำนวน 1935 คัน
  • ปี 2565 จำนวน 8,784  คัน (มกราคม – กรกฎาคม)

(Toyota bZ4X)

 

สำหรับเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมายานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,459 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีก่อน 334.23%โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 577 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 410.62%
  • รถกระบะ รถแวนจำนวน 2 คัน
  • รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 22 คัน
  • รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 857 คัน

ส่วนยอดสะสม 7 เดือน มีทั้งสิ้น 8,784 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 187.53% โดยเป็นส่วนของรถยนต์นั่งจำนวน 3,581 คัน ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนกรกฎาคม 2565 จดทะเบียนใหม่ 4,547 คัน เพิ่มขึ้น 142.51% จากเดือนกรกฎาคมปีกลาย แบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 4,496 คัน เพิ่มขึ้น 147.71% รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 51 คัน ลดลง 15% และในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 37,265 คัน เพิ่มขึ้น 60.91% จากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว แบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ 37,023 คัน เพิ่มขึ้น 68.70% รถจักรยานยนต์ 242 คัน ลดลง 80.05%

(ORA Good Cat GT)

 

ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนกรกฎาคม 2565 จดทะเบียนใหม่ 775 คัน เพิ่มขึ้น 150.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ 775 คัน เพิ่มขึ้น 59.56% และยอดสะสม 7 เดือน มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 6,722 คัน เพิ่มขึ้น 63% จากเดือนมกราคม-กรกฎาคมปีที่แล้ว แบ่งเป็น รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ 6,722 คัน เพิ่มขึ้น 63%

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม มียานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV รวมทั้งสิ้น 20,087 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 133.62% ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV 233,369 คัน เพิ่มขึ้น 26.74 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV 37,842 คัน เพิ่มขึ้น 34.09%