หลังจากที่ BYD Auto Industry Limited ได้แถลงข่าวเปิดตัว บริษัท Rêver Automotive (เร-เว่ ออโตเมทีฟ) จํากัด โดยมีคุณประธานวงศ์ พรประภา ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณประธานพร พรประภา ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในฐานะผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบรนด์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Thailand Authorized Distributor) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา

ล่าสุด บริษัท Rêver Automotive (เร-เว่ ออโตเมทีฟ) จํากัด เตรียมจัดงานยื่นเอกสารเพื่อขอรับสิทธิพิเศษการลงทุนจาก BOI (Board Of Investment) ของหน่วยงานรัฐบาลไทย วันที่ 9 กันยายน 2022 จากนั้น เตรียมเปิดตัว BYD Atto 3 ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่จะเข้ามาทำตลาดเป็นรุ่นแรกในประเทศไทยใน วันที่ 10 ตุลาคม 2022 

 

BYD Atto 3 ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เป็นสเป็คใกล้เคียงกับประเทศออสเตรเลีย ประเดิมด้วยรุ่น Extended Range (วิ่งได้ไกล 480 กิโลเมตร) เตรียมเปิดตัวในวันที่ 10 ตุลาคม 2022 คาดตั้งราคาจำหน่ายหลักหักส่วนลดจากภาครัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 1,200,000 บาท จากนั้น จึงจะมีการเปิดตัวรุ่น Standard Range (วิ่งได้ไกล 410 กิโลเมตร) ตามมาในมหกรรมยานยนต์ Thailand Motor Expo ช่วงปลายปี 2022

สำหรับสำนักงานใหญ่ของ BYD Thailand จะตั้งอยู่ที่อาคาร Interchange 21 ถนนสุขุมวิท ในขณะที่โชว์รูม โดย Rêver Automotive แห่งแรกจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 2 (โชว์รูม Mazda เก่า) ส่วนแห่งที่ 2 จะตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 (ใกล้กับโชว์รูมราชารถตู้) นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวผู้แทนจำหน่าย ในฐานะโครงข่ายพันธมิตรที่มีทั้งโชว์รูมและศูนย์บริการหลังการขายเต็มรูปแบบ จำนวน 31 แห่งภายในปี 2022 นี้ และขยายเพิ่มขึ้นเป็น 60 – 70 แห่งในปี 2023

ด้านโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าทาง BYD Thailand จะไม่ใช้โรงงานประกอบรถยนต์ของ Nissan Motor ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด แต่อยู่ในระหว่างการเตรียมจัดซื้อพื้นที่ของ WHA จังหวัดระยอง เพื่อเป็นโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกในอาเซียน

 

ข้อมูลเบื้องต้นของ BYD Atto 3 สเป็คออสเตรเลีย

 

ขนาดและมิติตัวถัง
Dimension

  • ความยาว : 4,455 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง : 1,875 มิลลิเมตร
  • ความสูง : 1,615 มิลลิเมตร
  • ความยาวฐานล้อ : 2,720 มิลลิเมตร
  • ความกว้างล้อหน้า / หลัง : 1,575 / 1,580 มิลลิเมตร
  • ความสูงใต้ท้องรถ : 175 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวรถ : 1,680 – 1,750 กิโลกรัม

 

ขุมพลังขับเคลื่อน
Powertrain

Standard Range

ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 49.62 kWh

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 410 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 345 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

Extended Range

ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 60.48 kWh

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 480 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 420 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

การชาร์จไฟฟ้า
Charging

  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ หัวชาร์จแบบ Type 2
  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง หัวชาร์จแบบ CCS2  รองรับได้สูงสุด 70 kW (Standard Range)
  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง หัวชาร์จแบบ CCS2  รองรับได้สูงสุด 80 kW (Extended Range)

 

ระบบกันสะเทือน
Suspension

  • ด้านหน้า เป็นแบบอิสระ MacPherson Strut
  • ด้านหลัง เป็นแบบอิสระ Multi-link
  • ล้อ ขนาด 18 นิ้ว
  • ยาง ขนาด 215/55 R18

ระบบห้ามล้อ
Brake

  • ด้านหน้า เป็นแบบ Disc Brake แบบมีครีบระบายความร้อน
  • ด้านหลัง เป็นแบบ Disc Brake ธรรมดา

 

 

สีตัวถังภายนอกและภายใน
Exterior & Interior Color

ภายนอก มีให้เลือก 5 สี ได้แก่

  • สีแดง Parkour Red
  • สีฟ้า Surf Blue
  • สีเงิน Boulder Grey
  • สีเขียว Forest Green
  • สีขาว Ski White

ภายในห้องโดยสาร เป็นสีฟ้า Eclipse Blue ตัดสลับสีเทา Hazy Grey

เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภค ในขณะนี้ BYD Thailand กำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ BYD Atto3 วิ่งทดสอบในไทยให้ได้ระยะทางราว 150,000 กิโลเมตร พร้อมกันนี้จะมีการสำรวจจุดชาร์จไฟทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่ารถของ BYD จะสามารถใช้บริการสถานีอัดประจุที่ผ่านการสำรวจทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการจัดทำรายชื่อจุดชาร์จตามมาในภายในหลัง

ข้อมูลเพิ่มเติมของ BYD Atto 3 เวอร์ชั่นไทย สามารถติดตามต่อได้ทาง www.Headlightmag.com เร็วๆ นี้