บริษัท Rêver Automotive (เร-เว่ ออโตเมทีฟ) จํากัด ในฐานะผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบรนด์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (Thailand Authorized Distributor) ได้ยื่นเอกสารเพื่อขอรับสิทธิพิเศษการลงทุนจาก BOI (Board Of Investment) ของหน่วยงานรัฐบาลไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีงานจัดงานเซ็นต์ MOU อย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนเปิดตัว BYD Atto 3 ในวันที่ 10 ตุลาคม 2022 ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่เข้ามาบุกตลาด EV ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม Rever Automotive ยังไม่ได้ระบุถึงสเป็คของ BYD Atto 3 เวอร์ชั่นไทยอย่างชัดเจน บอกเพียงว่าจะเหมือนกันกับเวอร์ชั่นออสเตรเลียเกือบทั้งหมด ยกเว้นอ็อพชั่นเล็กๆ น้อยๆ อาทิ ฟังก์ชั่นเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือ หรือ Kicks Sensor เป็นต้น โดยรุ่นที่จะเข้ามาทำตลาดในช่วงแรกจะเป็นรุ่นพิสัยไกล Extended Range ซึ่งสามารถวิ่งได้ 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ในขณะที่รุ่น Standard Range ที่วิ่งได้ไกล 420 กิโลเมตร คาดว่าจะตามมาเสริมทัพในช่วงงาน Thailand Motor Expo ปลายปี 2022

 

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราลองมาไล่เรียงดูว่าสเป็ค / Options ของ BYD Atto 3 สำหรับแดนจิงโจ้เป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มจาก…

มิติตังถังภายนอก มีดังนี้

  • ความยาว : 4,455 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง : 1,875 มิลลิเมตร
  • ความสูง : 1,615 มิลลิเมตร
  • ความยาวฐานล้อ : 2,720 มิลลิเมตร
  • ความกว้างล้อหน้า / หลัง : 1,575 / 1,580 มิลลิเมตร
  • ความสูงใต้ท้องรถ : 175 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวรถ : 1,680 – 1,750 กิโลกรัม

 

อุปกรณ์ภายนอก
Exterior Options

  • ไฟหน้าแบบ LED
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ HMA
  • ระบบหน่วงเวลาปิดไฟหน้า Follow Me Home
  • ไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential
  • หลังคากระจก Panoramic Sunroof พร้อมระบบป้องกันการหนีบ
  • ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
  • ราวหลังคา
  • กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า
  • กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
  • ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
  • ยาง ขนาด 215/55 R18

ตัวถังภายนอก มีให้เลือก 5 สี ได้แก่

  • สีแดง Parkour Red
  • สีฟ้า Surf Blue
  • สีเงิน Boulder Grey
  • สีเขียว Forest Green
  • สีขาว Ski White

 

อุปกรณ์ภายใน
Interior Options

  • ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า Eclipse Blue ตัดสลับสีเทา Hazy Grey
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
  • ชุดมาตรวัดแบบดิจิตัล ขนาด 5 นิ้ว
  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์
  • เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้ 60 : 40
  • เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เครื่องเล่นวิทยุ FM & DAB radio
  • รองรับการเชื่อมต่อ Blurtooth
  • หน้าจอกลาง ขนาด 12.8 นิ้ว ปรับได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
  • ชุดเครื่องเสียง Dirac HD sound® พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง
  • รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay® และ Android Auto™
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice assistant ภาษาอังกฤษ
  • ช่องเชื่อมต่อ USB – C และ USB – A บริเวณคอนโซลกลาง
  • ช่องเชื่อมต่อ USB – C และ USB – A บริเวณใต้ช่องแอร์หลัง
  • ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lighting
  • ไฟอ่านแผนที่แบบ LED
  • ไฟส่องสว่างเหนือประตูคู่หลังแบบ LED
  • ไฟส่องสว่างบริเวณห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง
  • ช่องชาร์จไฟฟ้า 12 V
  • กุญแจ Keyless Entry พร้อม Key Card
  • เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • แผ่นกรองอากาศ PM2.5
  • ชุดซ่อมยาง Tyre Repair Kit
  • ชุดปฐมพยาบาล First Aid Kit

 

ขุมพลังขับเคลื่อน
Powertrain

Standard Range

ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 49.62 kWh

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 410 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 345 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

Extended Range

ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ความจุ 60.48 kWh

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.3 วินาที
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 480 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC)
  • ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ อยู่ที่ 420 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

การชาร์จไฟฟ้า
Charging

  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ หัวชาร์จแบบ Type 2
  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง หัวชาร์จแบบ CCS2  รองรับได้สูงสุด 70 kW (Standard Range)
  • การชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง หัวชาร์จแบบ CCS2  รองรับได้สูงสุด 80 kW (Extended Range)

 

ระบบบังคับเลี้ยว
Steering Wheel

ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 2 ระดับ

ระบบกันสะเทือน
Suspension

  • ด้านหน้า เป็นแบบอิสระ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ด้านหลัง เป็นแบบอิสระ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ล้อ ขนาด 18 นิ้ว
  • ยาง ขนาด 215/55 R18

ระบบห้ามล้อ
Brake

  • ด้านหน้า เป็นแบบ Disc Brake แบบมีครีบระบายความร้อน
  • ด้านหลัง เป็นแบบ Disc Brake ธรรมดา

 

ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่
Safety System & Driving Assistance

  • ถุงลมนิรภัย 7  ตำแหน่ง
    • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
    • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
    • ถุงลมนิรภัยด้านข้างลำตัวคนขับ 1 ตำแหน่ง (Far-side Airbag)
    • ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
  • ระบบเตือนการรัดเข็มขัดนิรภัยเบาะหน้าและหลัง
  • ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS
  • จุดยึดเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
  • เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Hold
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HDC
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
  • เซ็นเซอร์ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
  • เซ็นเซอร์ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปนผันทุกย่านความเร็ว (ACC with Stop & Go)
  • ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหน้า AEB
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
  • ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW
  • รบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง BSD
  • ระบบเตือนมีเมื่อรถวิ่งเข้ามาขณะเปิดประตู DOW
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDW
  • ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน LKA
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาขณะถอยหลัง RCTA
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อเสียงต่อการชนด้านหลัง RCTB

 

บทสรุป 

สมรรถนะการขับขี่โดยรวมของ BYD Atto 3 ด้านอัตราเร่ง แน่นอนว่ามีความกระฉับกระเฉงตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเรียกแรงบิดมาใช้งานได้อย่างทันอกทันใจ ทันทีที่เท้าขวากดลงไปบนแป้นคันเร่งตัวรถจะพุ่งทะยานออกไปทันที มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) 310 นิวตันเมตร แม้จะเป็นโหมดการขับขี่แบบ Normal ก็ยังปล่อยพละกำลังออกมาแบบไร้อาการหน่วงในจังหวะแรกแบบที่เคยเจอมาใน ORA Good Cat อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวเลขจากโรงงานเคลมเอาไว้ที่ 7.3 วินาที ถือว่าใกล้เคียงกับแมวดี GT

พวงมาลัยเซ็ตอัตราทดมาค่อนข้างไว ระยะฟรีตรงกลางค่อนข้างน้อย การหมุนพวงมาลัยเพื่อควบคุมทิศทางของตัวรถมีความแม่นยำ จังหวะคืนกลับเป็นธรรมชาติ น้ำหนักพวงมาลัยสามารถปรับได้ 2 ระดับ เริ่มจากเบาสุดซึ่งจะใกล้เคียงกันกับรถยนต์ Sub Compact Crossover ทั่วไป แต่ถ้าปรับเป็นโหมด Sport จะหนักขึ้นชัดเจน ความหนืดจะอยู่ในระดับใกล้เคียง D-Segement ญี่ปุ่น นอกจากนี้ องศาที่มากของล้อหน้าในขณะหักพวงมาลัยสุดมีส่วนช่วยทำได้ให้รถยาวฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร มีรัศมีวงเลี้ยวแคบพอๆ กับรถยนต์ไซส์เล็กอย่าง ECO Car / B-Segment ซึ่งช่วยให้การขับในซอยแคบหรือเข้าจอดตามห้างสรรพสินค้าทำได้สะดวกโยธิน

ด้านระบบกันสะเทือนเซ็ตมาเอาใจสายนุ่ม ช่วงล่างอิสระของ Atto 3 ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี สามารถพาตัวรถเคลื่อนผ่าน Bump สลับซ้าย – ขวาได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีอาการท้ายดิ้นไปมาแบบที่มักจะพบเจอในรถที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบคานบิด แน่นอนว่าช่วงล่างที่นุ่มนั้นมาพร้อมอาการยวบยาบเมื่อมีการหักหลบหรือเปลี่ยนเลนกระทันหัน ในแง่การควบคุมอาการของตัวรถถือว่าย้วยไปเสียหน่อย แต่พอเป็นด้านการยึดเกาะ ด้วยการกระจายแรงบิดระหว่างล้อฝั่งในโค้งและนอกโค้งที่ต่างกัน แม้หน้ารถจะไม่ได้จิกไปตามโค้งดีเท่ารถอย่าง Mitsubishi Outlander ที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ S-WAC พร้อม Yaw Control แต่ก็ถือว่าไม่แย่เลยสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า

 

 

โดยภาพรวมแล้ว BYD Atto 3 ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกในบรรดารถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่น่าสนใจพอสมควรทีเดียว นอกจากการขับขี่ผมได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว จุดเด่นสำคัญของรถรุ่นนี้อยู่ที่ภายในห้องโดยสารที่มีเส้นสายการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร การเลือกใช้วัสดุตกแต่งตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัดด้านหน้า แผงด้านข้างประตู ตลอดจนเบาะนั่ง ล้วนมีผลต่อ perceived quality ที่ดี หน้าจอกลางขนาด 12.8 นิ้ว อันเป็นศูนย์รวมของฟังก์ชั่นต่างๆ นอกจากจะปรับให้แสดงผลได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนได้ ยังมีการตอบสนองที่ไว ไร้อาการหน่วง

การขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นของแพลตฟอร์ม BYD e platform 3.0 ช่วยทั้งในเรื่องพื้นที่สำหรับวางแบตเตอรี่บริเวณใต้ท้องรถที่กว้างขึ้น ตลอดจนพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ขยายขึ้นตาม การนั่งโดยสารเบาะหลังของ Atto 3 ทำได้ดีเกินหน้าเกินตารถยนต์ในกลุ่ม Sub Compact Crossover ไปพอสมควร หรือหากลองนำไปเทียบกับ ORA Good Cat ก็จะพบว่าทั้งคู่มีพื้นที่ใกล้เคียงกัน แต่ Atto 3 ได้เปรียบกว่าตรงที่เบาะรองนั่งสูงกว่า รองรับต้นขาได้ดีกว่า และไม่ต้องชันเข่า

อย่างไรก็ตาม พนักพิงศรีษะเบาะนั่งคู่หน้าที่ดันกบาลในระดับดันทุรัง เป็นสิ่งที่ทำให้การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถรุ่นนี้เกิดความไม่น่าอภิรมย์อยู่ประมาณหนึ่ง สำหรับใครก็ตามที่มีปัญหากับเรื่องนี้ ผมแนะนำให้ไปลองนั่งดูเสียก่อนว่าพอรับได้หรือไม่ เนื่องจากพนักพิงศีรษะถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวกับพนักพิงหลัง ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาจะเหลือแค่ 2 ทาง อย่างแรกคือปรับท่านั่งให้เอนมากกว่าปกติ และอย่างที่ 2 คือ ทำใจ (ฮ่าๆ)

 

 

สรุปสั้นๆ หลังจากที่ได้ทดลองขับ Atto 3 ในสนามปทุมธานี สปีดเวย์มาคร่าวๆ แล้ว ต้องบอกว่าค่อนข้างประทับใจ หลายจุดทำได้ดีเกินคาด และยังไม่พบเจอจุดที่น่าตำหนิหนักๆ แต่อย่างใด การที่ BYD Thailand หรือ Rêver Automotive ประกาศชัดถึงจุดยืนว่าตนเองนั้นเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ไม่ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์หั่นราคาจำหน่ายให้ถูกเพื่อดึงดูดผู้บริโภค แต่จะเน้นคุณภาพของตัวรถเป็นหลัก ดูเหมือนจะไม่เกินจริงนัก

แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า Atto 3 เป็นรถนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีความคุ้มค่าน่าซื้อหรือไม่ จนกว่าจะมีโอกาสนำรถมาทดลองขับยาวๆ อีกครั้ง หรือจนกว่าทราบราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถรุ่นนี้ ในวันที่ 10 ตุลาคม 2022

ผมเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้า หากทีมงาน Rêver Automotive มีความมุ่งมั่นตั้งใจนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดี ตลอดจนไม่ทอดทิ้งลูกค้าเมื่อเกิดปัญหา เป้าหมายในการปลุกปั้น BYD ให้เป็น Top 5 ในตลาดรถยนต์ยนต์ประเทศไทย ภายในระยะเวลา 5 ปี

อาจไม่ไกลเกินเอื้อม… 


รับชมคลิปได้ที่นี่


แสดงความคิดได้ที่นี่ Click Here