Maserati GranTurismo เป็นตัวแทนของ Maserati A6 1500 ปี 1947 ซึ่งถูกสร้างสรรเมื่อ 75 ปีที่แล้ว โดย GranTurisimo รุ่นแรกนั้นเปิดตัวครั้งแรกที่ Frakfurt Motorshow 2007 ในฐานะรถสปอร์ตเครื่อง 8 สูบ N/A ตลอดระยะเวลาที่ทำตลาดตั้งแต่ปี 2007-2019 กวาดยอดขายทั่วโลกไปได้รวมทั้งหมดมากกว่า 40,000 คัน แบ่งเป็น GranTurisimo : 28,805 คัน และ GranCabrio : 11,715 คัน

Maserati GranTurismo รุ่นที่ 2 มาพร้อมกับตัวเลือกรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่นย่อย โดยในรุ่นย่อย Fologore จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกจาก Maserati ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วน และรุ่น Trofeo กับ Modena นั้นจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์สันดาป

โดยถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดหลัก ๆ 3 ประการได้แก่

  1. Sportiness : ความเบา และความใส่ใจถึงการกระจายน้ำหนักที่ด้านหนัา และด้านหลัง Weight Distribution เพื่อความคล่องตัว และส่งเสริมสมรรถนะของรถ
  2. Luxury : จากการเลือกสรรวัสดุที่ดี และการใส่ใจงานประกอบ ทั้งภายใน และภายนอก แบบอิตาลี
  3. Comfort : พื้นที่ภายในที่มากพอสำหรับการโดยสารอย่างสะดวกสบาย

มิติตัวถัง
Dimension 

Trofeo

  • ยาว 4966 มม.
  • กว้าง 1957 มม.
  • สูง 1353 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2929 มม.
  • อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง 52:48
  • น้ำหนักตัวรถ 1795 กก.
  • ความจุฝาท้าย 310 ลิตร

Modena

  • ยาว 4959 มม.
  • กว้าง 1957 มม.
  • สูง 1353 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2929 มม.
  • อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง 52:48
  • น้ำหนักตัวรถ 1795 กก.
  • ความจุฝาท้าย 310 ลิตร

Fologore

  • ยาว 4959 มม.
  • กว้าง 1957 มม.
  • สูง 1353 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2929 มม.
  • อัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง 50:50
  • น้ำหนักตัวรถ 2260 กก.
  • ความจุฝาท้าย  270 ลิตร

เครื่องยนต์
Engine and Transmission 

Modena

เครื่องยนต์เบนซิน v6 สูบ 90° 3.0 ลิตร 2992 ซีซี ระยะกระบอกสูบ x ช่วงชัก 88 x 82 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11:1  พ่วงระบบอัดอากาศ Twin- Turboแรงม้าสูงสุด 490 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 600 ที่ 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ 8HP75 Gen2 

อัตราเร่งเคลมจากโรงงาน

  • 0-100 : 3.9 วินาที
  • 0-200 : 13 วินาที

โหมดการขับขี่

  • Comfort
  • GT
  • Sport
  • CORSA

Tofeo

เครื่องยนต์เบนซิน v6 สูบ 90°3.0 ลิตร 2992 ซีซี ระยะกระบอกสูบ x ช่วงชัก 88 x 82 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11:1 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin- Turbo แรงม้าสูงสุด 550 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 650 ที่ 3,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ 8HP75 Gen2 

อัตราเร่งเคลมจากโรงงาน

  • 0-100 : 3.5 วินาที
  • 0-200 : 11.4 วินาที

โหมดการขับขี่

  • Comfort
  • GT
  • Sport
  • CORSA

Fologore

มอเตอร์ไฟฟ้า 300 – kW radial motor 3 ตัว โดยแบ่งเป็นที่เพลาหน้า 1 ตัว และที่เพลาหลัง 2 ตัว โดยให้กำลังสูงสุดรวม 829 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1350 นิวตันเมตร เก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ทรงT-bone ขนาด 92.5 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อม Torque Vectoring

ระบบ Torque Vectoring คือระบบสมองกลไฟฟ้าที่เข้ามาควบคุมแรงบิดซึ่งจะส่งไฟยังมอเตอร์ทั้งสาม ซึ่งไม่ได้เชื่อมต่อกัน ทั้งเวลาเบรก เร่ง หรือแม้แต่ตอนที่ถอนคันเร่ง คล้ายกับว่าเป็น Differential ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า

อัตราเร่งเคลมจากโรงงาน

  • 0-100 : 2.7 วินาที
  • 0-200 : 8.8 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง

โหมดการขับขี่

  • Max range
  • GT
  • Sport
  • CORSA

ระบบกันสะเทือน
Suspension System 

Modena

  • ด้านหน้า : อิสระ Double-wishbone พร้อม air springs และ electronic damping control
  • ด้านหลัง : อิสระ Multi-link suspension พร้อมระบบ mechanical self-locking differential และ air springs with electronic damping control

Trofeo

  • ด้านหน้า : อิสระ Double-wishbone  พร้อม air springs และ electronic damping control
  • ด้านหลัง : อิสระ Multi-link suspension พร้อมระบบ electronic self-locking differential และ air springs with electronic damping control

Fologore

  • ด้านหน้า : อิสระ Double-wishbone พร้อม air springs และ electronic damping control
  • ด้านหลัง : อิสระ Multi-link and พร้อม air springs และ electronic damping control

ระบบห้ามล้อ
Braking System 

ด้านหน้า : จากเบรกแบบมีรูระบายอากาศ ขนาด 380 x 34 มม พร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo 6 พอต (fixed callipers)

ด้านหลัง : จากเบรกแบบมีรูระบายอากาศ ขนาด 380 x 28 มม พร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo 4 พอต (fixed callipers)

  • ระยะเบรก 100 – 0 น้อยกว่า 35 เมตร

ภายนอก
Exterior 

ตัวถังและโครงสร้างของ maserati GranTurisimo เป็นการผสมผสานวัสดุหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น อะลูมีเนีย แม็กนีเซียม และ High-performance steel เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวถังที่เบา นอกจากการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ด้วยการใช้วัสดุที่หลากหลายแล้ว ยังมีการออกแบบตัวถังตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่ม Downforce และลดแรงเสียดทานอากาศ โดย Granturisimo ใหม่ มีค่าแรงเสียดทานอากาศเพียง 0.26 ค่าที่ต่ำขนาดนี้เป็นอานิสงค์มาจากทั้งเส้นสายตัวรถ และช่องอากาศหน้ารถที่เชื่อมไปยังห้องเครื่อง

ส่วนในด้านการออกแบบสำหรับด้าหน้ารถมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Vertical Lights หรือไฟหน้าแนวตั้ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Maserati ในยุคใหม่ เช่นเดียวกับ MC – 20 และ Grecale จุดเด่นของด้านหน้ารถอยู่ที่ “Cofango” ซึ่งคือการทำให้ฝากระโปรงหน้า และแก้มข้าง (Fenders) ถูกขึ้นรูปเป็นชินเดียวกัน เพื่อความสะอาดตาของดีไซน์หน้ารถ ทั้งนี้คำว่า Cofango เกิดจากการรวมคำว่า Cofano ที่แปลว่าฝากระโปรง และคำว่า Parafango ที่แปลว่าแก้มข้างเข้าด้วยกัน

ด้านข้างของตัวรถมาพร้อมกับสัดส่วนแบบรถสปอร์ต ที่มีช่วงหน้ารถที่ยาว ล้อหน้าของตัวรถจะมีขนาดที่เล็กกว่ากว่าล้อหลัง โดยล้อหน้าจะมีขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยาง 265/30/R20 และล้อหลังมีขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยาง 295/30/R21

ถัดมาทางด้านหลังรถจะพบกับไฟท้ายแบบใหม่ ที่เป็นการผสมผสานระหว่างไฟท้า Boomerang ทรงเดิมที่เห็นได้ในMaserati รุ่นก่อนหน้า กับรูปทรง harpoon ทั้งนี้ไฟท้ายจะถูกเรืองแสงด้วยหลอดไฟแบบ LED

ภายใน
Interior

สำหรับภายในของ Maserati GranTurisimo ยังไม่มีรูปภาพอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด มีเพียงข้อมูลที่ถูกเปิดเผยจากMaserati ว่าการออกแบบภายในมาในธีม Clean, Modern and Emotive Design ซึ่งทำให้ไม่มีคันเกียร์ และไม่มีปุ่มกด การควบคุมทุกแทบอย่างจะอยู่ในรูปแบบ Digital

หน้าปัทเรือนไมล์แบบ Digital ขนาด 12.2 นิ้ว ซึ่งสามารถแสดงผลได้หลากหลายตามโหมดการขับขี่ พร้อม Heads – up display และนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์ Maserati Digital Clock ที่สามารถแสดงผลได้มากกว่าเวลา ไม่ว่าจะเป็น แรง G เข็มทิศ  และนาฬิกาจับเวลา อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งการแสดงเวลาได้หลากหลายสไตล์ (Classic, Design, Sport)

พวงมาลัย Multi-Function แบบใหม่ ที่รวบรวมการควบคุมไว้ที่พวงมาลัย ทั้งปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มปรับโหมดการขับขี่ ตัดเย็บด้วย Nero lucido ตามสีของพวงมาลัย โดยที่รุ่น Modena จะได้พวงมาลัยสี Nero และรุ่น Fologore จะได้พวงมาลัยสี Denim

หน้าจอเครื่องเสียงตรงกลางขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมกับ Maserati Intelligent Assistant ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android และรองรับ Apple Carplay Android Auto การเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือไร้สาย Bluetooth พร้อมระบบสั่งงานด้วยแสียงที่สามารถสั่งงานด้วยการพูดว่า Hey Maserati นอกจากนี้ยังมาพร้อม Maserati Connect ที่มาพร้อม Maserati Guard, Safety b-call, Maserati Connect App, Alexa และระบบอื่นๆอีกมากมาย

หน้าจอ Comfort Display ขนาด 8.8 นิ้วที่ตำแหน่งด้านล่าง ใช้สำหรับปรับอากาศ และรองรับการปรับแอร์ด้วย Gesture Control

มาพร้อมตัวเลือกเครื่องเสียง 1,195 W ถูกออกแบบ และปรับจูนโดย Sonus Faber แม้ห้องโดยสารจะไม่ได้มีขนาที่ใหญ่โอ่อ่าเหมือนรถประเภทอื่น แต่จำนวนลำโพงที่ให้มาทั้งหมดมีมากถึง 19 ลำโพง พร้อมระบบ 3D Sound System แบ่งเป็น

  • ลำโพง Subwoofer 1 ตำแหน่ง
  • ลำโพง Midrange 5 ตำแหน่ง
  • ลำโพง Surround Midrange 2 ตำแหน่ง
  • ลำโพง Hight Midrange 2 ตำแหน่ง
  • ลำโพง Tweeter 7 คำแหน่ง
  • ลำโพง Woofer 2 ตำแหน่ง