Alpine ได้กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการเปิดตัวรุ่นพิเศษของ A110 ด้วยการเติมตัวอักษร R ทดแทนด้วยอักษร S ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2022 เป็นการต่อยอดจากรุ่นที่ได้รับอัพเกรดขุมพลังเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการไล่เบาลดน้ำหนักตัวรถจากการหันมาใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปมากกว่า 34 กิโลกรัม จนมีน้ำหนักรวมเหลือเพียงแค่ 1,082 กิโลกรัม

โดยรายการของดำไล่เบานี้ ได้แก่ ฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมช่องดักลมคู่ที่นอกจากจะเสริมความดุแล้วยังทำให้มีประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ดียิ่งขึ้น และยังลดน้ำหนักไปได้ถึง 2.9 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ A110S ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ล้อขนาด 18 นิ้ว ที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่ช่วยลดน้ำหนักเพิ่มอีก 12.5 กิโลเมตร นอกจากนี้ลายของล้อคู่หน้ายังมีความแตกต่างกับล้อคู่หลัง ด้วยเหตุผลทางอากาศพลศาสตร์ รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 แบบ Semi-slick

 

อีกทั้งกระจกที่ปิดห้องเครื่องก็ได้ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยฝาปิดคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งต้องแลกมาด้วยทัศนวิสัยด้านหลังที่หายไปพอสมควร ปิดท้ายด้วยหลังคาและสปอยเลอร์หลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นเดียวกัน

ภายในมาพร้อมอุปกรณ์เตรียมลงสนามตามแบบฉบับรุ่นพิเศษไล่เบา ได้แก่ เบาะนั่งบัคเก็ตซีททำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวน้ำหนักเบาจาก Sabelt หุ้มด้วยหนังกลับสีดำ ที่สามารถลดน้ำหนักได้ 5 กิโลกรัม พร้อมติดตั้งเข็มขัดยี่ห้อเดียวกันแบบ 6 จุด

ช่วงล่างมาพร้อมกับชุดโหลดให้เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร พร้อมเพิ่มความแข็งเหล็กกันโคลงอีก 10% ที่ด้านหน้าและ 25% ที่ด้านหลังเมื่อเทียบกับรุ่น A110 S ทำให้รองรับการขับขี่ที่ดิบเถื่อนมากยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนโช้คอัพ ที่ติดตั้งระบบปรับความหนืดได้มากถึง 20 ระดับ เพื่อรองรับการขับขี่ในสนามแข่ง

 

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.8 ลิตร TCe M5P turbocharged ระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง Direct-injection กำลังสูงสุด 300 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 2,400-6,000 รอบ/นาที โดยสามารถเร่งรอบเครื่องได้สูงสุดที่ 8,250 รอบ/นาที

  • จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
  • สามารถโหมดการขับขี่ 3 แบบ ได้แก่ Normal Sport และ Track เพื่อปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังรวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆให้เหมาะสมตามความต้องการ

จอแสดงผลทำงานร่วมกับระบบสื่อสารภายในตัวรถหรือ ‘Alpine Telemetrics’ ที่สามารถแสดงข้อมูลได้แบบ real-time ซึ่งมีความจำเป็นต่อการขับขี่ในสนาม ไม่ว่าจะเป็น แรงดันเทอร์โบ อุณหภูมิระบบเกียร์ ปริมาณแรงบิดและกำลังในขณะนั้น องศาของล้อหน้า รวมไปถึงเกจวัดแรง G

ตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 3.9 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

ระบบบังคับเลี้ยว

  • ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า Electromechanical Power Steering

ระบบกันสะเทือน

  • ระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นแบบ Double Wishbone ที่ใช้วัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบากว่า 96%
  • ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 215/40 R18 ที่ล้อคู่หน้า และขนาด 245/40 R18 ที่ล้อคู่หลัง

ระบบห้ามล้อ

  • ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จาก Brembo
  • จานเบรกคู่หน้าเป็นแบบมีครีบและรูระบายความร้อน ขนาด 320 มิลลิเมตร
  • จานเบรกคู่หลังเป็นแบบมีครีบและรูระบายความร้อน ขนาด 320 มิลลิเมตร

พร้อมเปิดให้จับจองได้ในเดือนพฤศจิกายน 2022 นี้ และจะมาพร้อมสีน้ำเงินด้าน Racing Matte Blue เพื่อเป็นการอ้างอิงถึงสีของรถแข่ง A522 Formula 1 จากทีม Alpine ในฤดูกาลนี้ โดยยังไม่ระบุราคาจำหน่าย

ที่มา: Alpine