หลังจากที่ Chevrolet เปิดตัว Seeker SUV พิกัด C-segment สำหรับตลาดจีน ไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งมีข่าวหลุดมาก่อนหน้าว่าอาจเข้าทำตลาดที่ทวีปอเมริกาเหนือในชื่อ Chevrolet Trax ทดแทนรุ่นปัจจุบันที่ใช้ตัวถังและงานวิศวกรรมร่วมกับ Opel/Vauxhall Mokka โดยขยายขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นทุกมิติ พร้อมอัดแน่นด้วยออฟชั่นทันสมัย
งานออกแบบด้านหน้าได้ถูกปรับเส้นสายและย้ายตำแหน่งไฟใหญ่หน้าไปที่มุมของกันชน ในขณะที่ไฟส่องสว่างเวลากลางวันถูกแยกชิ้นเป็นเส้นแนวนอน ใต้ขอบฝากระโปรงทั้ง 2 ข้าง โดยนำงานออกแบบมาจากรุ่นพี่ Blazer และปรับให้มีความแตกต่างกับฝาแฝด Seeker เล็กน้อย พร้อมทั้งแบ่งการตกแต่งตัวท๊อปออกเป็น 2 แนวทางได้แก่ Activ ที่เน้นสไตล์ตัวลุย และ RS ที่เน้นสไตล์สปอร์ต โดยแบ่งรุ่นย่อยทั้งหมดเป็น 5 รุ่น ได้แก่ LS 1RS LT 2RS และ Activ
มิติตัวถัง:
- ความยาว: 4,540 มม.
- ความกว้าง: 1,823 มม.
- ความสูง: 1,564 มม.
- ฐานล้อ: 2,700 มม.
อุปกรณ์ภายในมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยตามยุค เริ่มต้นด้วย จอระบบความบันเทิงขนาด 8 นิ้ว ในรุ่น LS และ 1RS ในขณะที่รุ่น LT 2RS และ Ativ จะได้รับการอัพเกรดเป็นขนาด 11 นิ้ว โดยในรุ่น LT 2RS และ Ativ จะติดตั้งเบาะอุ่น การสั่งงานสตาร์ทผ่านรีโมท ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ระบบควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารอัตโนมัติ โดยทุกรุ่นจะได้รับการติดตั้งระบบป้องกันเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร active noise cancellation
ขุมพลังจะใช้เครื่องยนต์เบนซินพ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ แบบ 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และสามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.6 วินาที มีให้เลือกเพียงระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเท่านั้น
นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยพื้นฐานได้แก่ ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีสิ่งกีดขวางและระบบตรวจจับคนเดินถนน หอมระบบเบรกอัตโนมัติ ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนภัยการชนด้านหน้า ระบบไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตรวจเจอ จับ สัญญาณการจราจร ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและสามารถ อัพเกรดติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ระบบเตือนการชนจากด้านหลัง และระบบช่วยนำรถเข้าจอด
Chevrolet Trax จะพร้อมวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิของปี 2023 เมื่อราคาเริ่มต้นเพียง 21,495 เหรียญสหรัฐฯ (815735 บาท) ไม่รวมภาษีนำเข้าประเทศไทย
ที่มา: Motor1