หลังจาก Toyota เปิดตัว Yaris ATIV รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคัน Full Modelchange เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยเน้นการอัด Option จนดูคุ้มค่าคุ้มราคา ผิดหูผิดตาไปจากความคาดหมายของลูกค้าในอดีต ที่เคยมองว่า Toyota ชอบงก Option ไปเป็นอันมาก จนประสบความสำเร็จอย่างสูง กวาดยอดสั่งจองถล่มทะลาย ไปเกือบ 30,000 กว่าคัน เล่นเอาโรงงาน Gateway ที่ฉะเชิงเทรา ถึงกับตาเหลือก ปาดเหงื่อ แล้วก็กุมขมับ เพราะปัญหาการขาดแคลน Chip Shortage (หรือที่เราเรียกว่า ปัญหา “ชิพ หาย”) ยังคงส่งผลกระทบ ทำให้ส่งมอบ ล่าช้า บางรายกว่าจะรับรถได้ ต้องรอกันข้ามปีกันแล้วนั้น

คำถามที่ตามมาก็คือ แล้ว Yaris รุ่นตัวถัง Hatchback ละ? จะเปลี่ยนโฉมใหม่ เมื่อไหร่? คำตอบก็คือ Toyota กำลังอยู่ในระหว่าง การพัฒนา Yaris Hatchback รุ่นใหม่ เพื่อเตรียมออกสู่ตลาดประเทศไทย เป็นแห่งแรก รวมทั้งตลาดใน ภูมิภาค ASEAN และอีกหลาย 10 ประเทศทั่วโลก กันอยู่

เพียงแต่ว่า…Toyota ตัดสินใจที่จะยังไม่เปลี่ยนโฉม Full Modelchange ให้กับ Yaris Hatchback พวกเขาเลือกที่จะนำรถรุ่นปัจจุบัน มาปรับโฉม เปลี่ยนหน้าตา ในแบบ Minorchange เท่านั้นเอง!

(Illustrated By : Ku)

หลายคนคงสงสัยว่า ในเมื่อ รุ่น Sedan อย่าง ATIV ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันในแบบ Full Modelchange ไปแล้ว ทำไม รุ่น Hatchback ถึงยังถูกปรับโฉม Minorchange ลากขายกันต่อไป?

เหตุผลก็คือ เมื่อดูจากยอดขายและยอดผลิตสะสม ในอดีตที่ผานมา ถึงแม้ว่า Yaris Hatchback จะขายดีมากในประเทศไทย ทว่า เมื่อไปอยู่ในตลาดต่างแดน กลับทำยอดขายได้ไม่มากนัก และต้องใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะทำยอดขาย ยอดผลิต และผลกำไร “ในภาพรวมทั้งโครงการ” ได้ตามเป้าหมายที่สำนักงานใหญ่ ใน Nagoya วางแผนไว้

ดังนั้น Toyota จึงประเมินว่า การรีบเปลี่ยนโฉม Full Modelchange ไปในตอนนี้ อาจยังไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว ถ้าตราบใดที่รุ่นปัจจุบัน ยังขายได้เรื่อยๆอยู่แบบนี้ เพียงแค่ปรับโฉม Minorchange ก็น่าจะช่วยให้ตัวรถดูสดใหม่ และพอจะอยู่ในตลาดต่อไปได้อีกสัก 2 ปี

Yaris Hatchback Minorchange มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง?

Yaris Hatchback Minorchange มีรหัสโครงการ 046D เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ร่วมกันระหว่าง Toyota และ Daihatsu โดยยังคงมีฐานปฏิบัติการหลักร่วมกัน คือ TDEM (Toyota Daihatsu Engineering & Manufacturing) ที่บางเสาธง ย่าน บางนา

ถ้าคุณคาดหวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่โต ในระดับ Big Minorchange เหมือนอย่าง สมัย Toyota Avanza รุ่นแรก มาเป็นรุ่นที่ 2 หรือ Ford Ranger รุ่น T6 มาเป็น Next Gen Ranger T6.2 ในปัจจุบัน คงต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะคราวนี้ Toyota มุ่งเน้นไปที่การแต่งหน้าทาปาก เพิ่มความสดใหม่ ให้งานออกแบบภายนอกเป็นหลัก

สิ่งที่คุณจะได้เห็นก็คือ ชุดไฟหน้าแบบใหม่ ที่มีเส้นสายกรอบนอก ผสมผสานกันระหว่าง ชุดไฟหน้าของ Yaris Hatchback รุ่นปัจจุบัน กับ ชุดไฟหน้าของ Toyota Corolla Sport Hatchback 5 ประตู ในญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม รายละเอียดในตัวโคมไฟ จะแตกต่างจากภาพวาด Computer Graphic ข้างบนนี้ พอสมควร

ขณะเดียวกัน ชุดกระจังหน้า จะถูกปรับปรุงบนพื้นฐานเส้นสายของรุ่นเดิม ให้ดูสอดรับเข้ากับชุดไฟหน้าใหม่ มากขึ้น นอกจากนี้ เปลือกกันชนหน้า จะมีงานออกแบบคล้ายคลึงกับ Toyota Camry รุ่นปัจจุบัน โดยช่องรับอากาศจะมีขนาดพอกันกับรุ่นเดิม อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า ไฟตัดหมอกในภาพนั้น อาจจะไม่ได้เห็นในรถคันจำหน่ายจริง

ด้านหลังรถ จะมีการเปลี่ยนชุดเปลือกกันชนท้าย เป็นแบบใหม่ แต่ยังคงมีชุดไฟท้าย ที่มีกรอบด้านนอก หน้าตาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนเส้นสายภายในชุดโคมไฟท้ายนิดหน่อย ไม่เยอะนัก

ส่วนภายในห้องโดยสาร หลักๆแล้ว ยังคงใช้แผงหน้าปัดชุดเดิม แต่อาจมีการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัย 3 ก้าน ร่วมกับ Toyota Yaris ATIV ใหม่ นอกจากนี้ จะมีการเปลี่ยนชุดเครื่องเสียง มาเป็นแบบจอ Monitor สี Touchscreen จากเดิม 8 นิ้ว เป็น 9 นิ้ว รุ่นใหม่ แบบเดียวกับ Yaris ATIV รวมทั้ง ปรับเปลี่ยน Trim การตกแต่ง และ โทนสีวัสดุหุ้มเบาะนั่ง ให้ดูเป็นรุ่นใหม่ ร่วมสมัยมากขึ้น

ด้านงานวิศวกรรม จะมีการยกเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง จาก Yaris ATIV มาวางลงใน รุ่น Hatchback ถึงแม้จะดูจากรหัสเคร่องยนต์แล้วเปลี่ยนไป แต่ไส้ในส่วนใหญ่ แทบจะเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง Yaris Hatchback ใหม่ จะวางเครื่องยนต์ รหัส 3NR-VE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 72.5 x 72.5 มิลลิเมตร กำลังอัด 13.5 : 1 ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด EFI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-iE กำลังสูงสุด 94 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E20 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน Super CVT-i พร้อม Sequential Shift ขับเคลื่อนล้อหน้า

พวงมาลัยยังคงเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electronic Power Steering) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.1 เมตร ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut ด้านหลังเป็นคานบิดกึ่งอิสระ Torsion Beam ส่วนระบบห้ามล้อ น่าจะถูกเปลี่ยนมาใช้ ดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ โดยคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เสริมการทำงานด้วยระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) และระบบตัดการทำงานของคันเร่ง เมื่อเบรกและคันเร่งถูกเหยียบพร้อมกัน BOS (Brake Override System) ในกรณีที่คันเร่งค้าง มาให้ด้วย

ด้านระบบคามปลอดภัย นอกเหนือจาก ถุงลมนิรภัย 6 ใบ แล้ว เราอาจได้เห็น ระบบ ADAS ในชื่อ Toyota Safety Sense ที่มีรายละเอียด พอๆกันกับ Yaris ATIV ติดตั้งมาให้ในรุ่น Top อีกด้วย

กำหนดเปิดตัวในไทย เมื่อไหร่? และเราจะเห็นโฉม Minorchange นี้ กันไปอีกนานแค่ไหน?

Yaris Hatchback Minorchange มีกำหนด เปิดตัวในเมืองไทย เป็นแห่งแรกในโลก ช่วงก่อนงาน Bangkok International Motor Show เดือนมีนาคม 2023 จัดขึ้น ไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การส่งมอบรถ ต้องรอดูสถานการณ์ ปัญหาการขาดแคลน Chip ณ ช่วงเวลานั้น ด้วย ดังนั้น จึงยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เปิดตัวแล้ว รถจะพร้อมส่งมอบได้เลยเหมือนอย่าง ATIV หรือไม่

ส่วนเรื่องอายุตลาดนั้น ตามปกติแล้ว การปรับโฉม Minorchange ของรถยนต์ฝั่งญี่ปุ่น มักจะเกิดขึ้นทุก 2 ปี จึงพอจะอนุมานได้ว่า เราคงจะได้เห็น Yaris Hatchback ตัวถังปัจจุบัน ถูกปรับโฉม Minorchange เพื่ออยู่ในตลาดต่อไปอีก 2 ปี นับจาก ปี 2023 จนถึง 2025 โดยประมาณ

——————///—————–