Renault เตรียมเข้าสู่ยุคขุมพลังไฟฟ้าอย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นตันไป โดยได้เปิดตัวรถต้นแบบรุ่น 4 และ 5 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถรุ่นคลาสสิคของค่าย นำเส้นสายและเอกลักษณ์ต่างๆ มาปรับใช้กับงานออกแบบยุคใหม่ ที่จะสร้างความโดดเด่นให้กับทั้งรถ Crossover ขนาดเล็ก และ Mini Hatch ที่กำลังเป็นรถในกระแสนิยมของชาวยุโรป

 

อย่างไรก็ตาม ทางค่ายเคยเป็นผู้บุกเบิกรถ EV ขนาดเล็ก ราคาจับต้องได้ ตั้งแต่ปี 2012 ภายใต้ชื่อรุ่น Zoe จนขึ้นแท่นหนึ่งในรถ EV ที่ขายดีที่สุดในยุโรปตลอดการทำตลาด และที่เห็นได้ชัดในช่วงปี 2015 ถึง 2016 ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ได้สำเร็จ ด้วยอานิสงส์จากยอดขายในบ้านเกิดที่กวาดยอดขายสะสมไปได้กว่า 100,000 คัน โดยในหลายประเทศได้นำไปใช้ในเป็นรถแท็กซี่ เพื่อริเริ่มและสนับสนุนการใช้รถ EV ในเขตเมืองของยุโรป

เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ทางค่ายออกมาคอนเฟิร์มว่า Zoe จะไม่มีรุ่นต่อไปมาทดแทน โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ 4 และ 5 ควบคู่กับรุ่นขุมพลังไฟฟ้าของ Clio และ Capturที่เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังไม่ทิ้งขุมพลัง Hybrid ซึ่งจะรับหน้าที่ส่งผ่านเทคโนโลยีในช่วง 2025 ถึง 2035 ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของรถ EV ตามนโยบายของยุโรป

 

นอกจากนี้ Renault ยังมี Mégane และ Scenic ที่พิกัด C-segment ที่รอการปรับขุมพลังเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า เพิ่มเติมนอกจากทางเลือกขุมพลัง Hybrid เพื่อให้ครบทุกความต้องการสำหรับตลาดยุโรป ทำให้ Renault มีทางเลือกรุ่นรถที่หลากหลายให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็น Full-electric จำนวน 4 รุ่น และ Hybrid จำนวน 4 รุ่นเช่นเดียวกัน

 

โดยทาง Renault ยังกล่าวถึง Mégane และ Scenic รุ่นต่อไป ว่าจะมีบทบาทสำคัญกับทางค่ายเนื่องจาก เป็นหนึ่งในนโยบาย Renovation ที่จะเน้นทำตลาดรถยนต์ขนาดกลางมากขึ้นกว่าปัจจุบัน

นอกจากนี้ Renault ยังเตรียมเปิดตัว Mégane รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ ก่อนจะตามมาด้วย Scenic บนพื้นฐานเดียวกัน

ที่มา: Autocar