เนื่องในการเฉลิมฉลองคครบรอบ 60 ปี ของ Porsche 911 ทาง Porsche จึงได้จับมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้พร้อมลุยสู้ทางทรหด อันที่จริงแล้ว เส้นทางนี้ปราศจากถนนหลวง แต่เต็มไปด้วยเส้นทางธรรมชาติที่มุ่งหน้าสู่ยอดภูเขาไฟ Ojos del Salado ( โอโฆสเดลซาลาโด) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส อยู่ในเขตประเทศชิลี ที่ทางค่ายเคลมว่าเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเป็นระยะทางกว่า 6,007 เมตร

ตลอด 30 ปีที่ทางวิศวกรของ Porsche ได้เริ่มนำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ติดตั้งในรถสปอร์ตในตำนานรุ่น 91 ทำให้ทาง Porsche มีไอเดียที่จะทดสอบความแข็งแกร่ง และความล้ำหน้าของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ ว่าจะสามารถเอาชนะเส้นทางทุรกันดารสุดโหด ในแบบที่รถสปอร์ตทั่วไปไม่สามารถพิชิตได้หรือไม่

 

การประลองครั้งนี้นำทีมโดยนักแข่งรายการ Endurance อย่าง Romain Dumas ซึ่งกำหนดเส้นทางสุดหฤโหดครั้งนี้ เพื่อจะทดสอบรถรุ่น 911 Carrera 4S ที่ได้ถูกดัดแปลงอย่างเต็มพิกัด พร้อมที่จะออกผจญภัยในภารกิจสำคัญครั้งนี้

เส้นทางที่เต็มไปด้วยพื้นผิวอันขรุขระ อีกทั้งบางส่วนยังถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ต้อนรับกลุ่มผู้พิชิต และตัวลุยสุดโหดด้วยอุณหภูมิต่ำสุดถึง -30 องศาเซลเซียส และยังมีปริมาณออกซิเจนเบาบางเพียง ครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับปริมาณออกซิเจนที่ระดับน้ำทะเล

 

รายละเอียดทางเทคนิคของรถยนต์รุ่นที่นำมาดัดแปลงในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ขุมพลัง ซึ่งทางทีมยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 450 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านล้อทั้งสี่ด้วยเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ

ชุดโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ที่มีความแข็งแรงพร้อมจะนำไปดัดแปลงเป็นตัวลุยพันธุ์โหด พิชิตอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยการ พัฒนาต่อยอดของ ศูนย์วิจัยและพัฒนาของทางค่ายเอง ตั้งอยู่ที่เมือง Stuttgart ประเทศเยอรมัน ร่วมกับสำนักแต่ง Romain Dumas Motorsport

 

โดยทาง Porsche ได้ดัดแปลงรถทั้งหมดจำนวน 2 คัน ซึ่งได้ทำการติดตั้งเบาะนั่งน้ำหนักเบาทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเข็มขัดนิรภัย ที่ถูกติดตั้งตามมาตรฐานความปลอดภัย ระดับการแข่งขัน โดยในส่วนของช่วงล่างก็ได้ทำการยกสูงจนมีระยะต่ำสุดใต้ท้องมากถึง 350 มิลลิเมตร ล้อและยางถูกปรับเป็นสเปคแบบตัวลุยออฟโรด และมีการดัดแปลงชิ้นส่วนตัวถังเพื่อให้สามารถติดตั้งล้อขนาดใหญ่ได้

 

ระบบระบายความร้อนถูกย้ายตำแหน่งติดตั้งเพื่อป้องกันความเสียหาย พร้อมเพิ่มแผ่นกันกระแทกบริเวณใต้ท้องตัวถังน้ำหนักเบา แต่มีความแข็งแรงทำจากวัสดุพิเศษ Aramid fiber เนี่ยพร้อมชิ้นส่วนเพิ่มเติมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับการแข่งขันออฟโรดโดยเฉพาะ ที่เรียกว่า Warp-Connecter เป็นการเพิ่มจุดยึดทางกลของล้อทั้ง 4 ข้าง เพื่อให้สามารถแบ่งภาระ ไปที่แต่ละล้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ ทำงานร่วมกับ Differential แบบ Manual

ปิดท้ายด้วยสิ่งที่ตัวลุยออฟโรดจะขาดไปไม่ได้ นั่นก็คือ Winch ติดตั้งบริเวณด้านหน้ารถ และลวดลายตัวรถที่ออกแบบโดย Porsche Motorsport อ้างอิงมาจากตัวแข่ง 963 LMDh racer

ที่มา: Porsche