ค่ายสิงห์ยกขาจากเมืองน้ำหอมภายใต้ร่มของ Stellantis กำลังรุกหนักด้านตลาดรถ EV รวมไปถึงการพ่วงขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นปัจจุบัน ในรูปแบบ Mild-hybrid แรงดันไฟฟ้า 48V กับรถยนต์หลากรุ่นของแบรนด์ในเร็วๆ นี้

โดยล่าสุดได้ประกาศเปิดโครงการ E-Lion ที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของค่าย ให้เข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าอย่างแท้จริง ตามที่ได้เปิดตัวรถต้นแบบไปไม่นานนี้ โดยจะมาพร้อมแนวทางการออกแบบใหม่ ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าล้วน ซึ่งทำให้อรรถประโยชน์ใช้สอยภายในมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ด้านขุมพลังไฟฟ้าล้วนที่ปัจจุบันมีเพียง e-208 และ e-2008 2 พี่น้องร่วม Platform ทำตลาดสำหรับรถขนาดเล็ก ก่อนที่จะเสริมทัพด้วย e-308 และ e-308 SW ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2022 ทำงานภายใต้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า (PS) พร้อมวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 400 กิโลเมตร ต่อ 1 รอบการชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP

สำหรับรถ EV อีก 3 รุ่นที่จะเปิดตัวตามมา ได้แก่ e-3008 และ e-5008 รุ่นใหม่ ที่สร้างบนพงานวิศวกรรมพื้นฐานรุ่นใหม่หมดจด STLA Medium platform จาก Stellantis ซึ่งนับว่าเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ โดยจะแบ่งออกเป็นขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ระดับความแร งโดยในรุ่นแรงสุดจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมอเตอร์คู่ ในขณะที่รุ่น Long range จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุดกว่า 700 กิโลเมตรต่อ 1 รอบการชาร์จ ทั้ง 2 รุ่นมีกำหนดเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 นี้

 

และรถ EV รุ่นสุดท้ายใน 5 รุ่นที่ได้ประกาศกำหนดการเปิดตัวในตอนนี้ก็คือ e-408 ซึ่งเป็นการเปิดตัวตามหลังเวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปภายในภายใต้รูปแบบรถยนต์ sedan crossover แปลกใหม่ไม่เคยมีในรุ่นไหนมาก่อนของค่าย

 

ในขณะที่ระบบ mild-hybrid ที่จะทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน PureTech 2 ระดับความแรงที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันได้แก่ 100 และ 136 แรงม้า (PS) โดยจะทำการจับคู่เข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นใหม่ แบบ dual-clutch ที่ผนวกเป็นชุดเดียวกันกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 29 แรงม้า (PS)

โดยจะทยอยติดตั้งในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน ได้แก่ 208 2008 308 3008 5008 และ 408 ภายในปี 2023 นี้

เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่ Peugeot ไม่ได้ล้อเล่นกับกระแสขุมพลังไฟฟ้าทั้งรูปแบบกลุ่มพลังไฟฟ้าล้วนหรือการนำมาพ่วงกับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีประสิทธิภาพสูงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมจะนำเสนอรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนให้ครบทุกรูปแบบตัวถังภายในปี 2025 นี้ก่อนที่จะยกระดับไลน์อัพทั้งหมดให้กลายเป็นรถ EV ภายในปี 2030 เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์ยุโรปอื่นๆ

ที่มา: Motor1