หลังจากที่ Lamborghini เปิดตัว Aventador LP 780-4 Ultimae ไปเมื่อกลางปี 2021 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นรุ่นส่งท้ายของตระกูล Aventador ในรูปแบบขุมพลังเบนซิน V12 ไร้ระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเปิดตัวมาแล้วกว่า 12 ปี ในรุ่นแรก LP 700-4 ในขณะที่ Lamborghini ยังไม่ได้ประกาศปิดไลน์การผลิตเครื่องยนต์ตัวนี้อย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่า ยังคงมีรุ่นพิเศษให้ได้จับจองในราคาสุดแสนจะพิเศษเช่นเดียวกัน เนื่องจากรุ่นพวกนี้มักจะมีจำนวนจำกัด

จนกระทั่งค่ายกระทิงดุ ได้เปิดตัวรถรุ่นพิเศษตามที่แฟนๆ รอคอยกันแรมปี โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Invencible และ Autentica ที่มีรูปแบบตัวถังแตกต่างกัน แบ่งเป็น Coupe และ Convertible ตามลำดับ โดยได้ยกขุมพลัง V12 มาจาก Ultimae และถือเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่สร้างบนพื้นฐานของ Aventador รุ่นสุดท้าย ในรูปฝาแฝด 2 รูปแบบตัวถัง

 

งานออกแบบภายนอกได้รับแรงบันดาลใจมาจากรุ่นพิเศษทั้งหลาย ในรูปแบบเดียวกับ Reventon ที่เป็นการผสมผสานงานออกแบบยุคหน้าและยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว โดยในรุ่น Invencible และ Autentica เป็นการต่อยอดจาก Veneno ที่มีความดิบ เถื่อนขั้นสุดตั้งแต่ค่ายกระทิงดุทำรถซุปเปอร์คาร์มา ในขณะที่ด้านหน้าได้นำเส้นสายจากรถแข่งรุ่น Essenza SCV12

พร้อมได้นำงานออกแบบรูปทรงเรขาคณิตจากสุดยอดรถสปอร์ตต้นแบบน้ำหนักเบาอย่าง Sesto Elemento และแนวคิดการใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Full Carbon และใช้สีภายนอกเป็นสีแดง Rosso Efesto ในรุ่น Invencible และสีเทา Grigio Titans สำหรับรุ่น Grigio Titans

 

สำหรับภายในก็ได้รับการถ่ายทอดแนวคิดวิชาตัวเบาเช่นเดียวกับโครงสร้างตัวถัง เพื่อให้รักษาลุคความเป็นสปอร์ตรุ่นพิเศษเน้นความสุดทั้งทางสมรรถนะและน้ำหนัก รวมไปถึงประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์สูงสุด เน้นการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และลดทอนความซับซ้อนของชิ้นส่วนต่างๆ ตัวอย่างเช่น ช่องแอร์ทำจากเทคโนโลยี 3D Printing เพื่อให้มีรูปทรงได้ตามใจสั่ง พร้อมบุวัสดุ Alcantara ให้อย่างจุใจในทุกพื้นผิวที่สัมผัสได้

 

ทาง Lamborghini ไม่ได้ให้ข้อมูลทางเทคนิค แต่ทว่าคงหนีไม่พ้นขุมพลังของ Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimae ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 6,498 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 95 x 76.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 กำลังสูงสุด 780 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 720 นิวตัน-เมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ ISR 7 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ มีตัวเลขสมรรถนะดังนี้

  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.8 วินาที
  • อัตราเร่ง 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.7 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 355 กิโลเมตร/ชั่วโมง

อนาคตของรถตระกูล Aventador ในเจเนอเรชั่นถัดไปจะถูกนำมาพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าในรูปแบบ Plug-in hybrid ที่เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้ โดยจะใช้งานวิศวกรรมของระบบส่งกำลังร่วมกับ Urus พร้อมส่งต่อให้กับซุปเปอร์คาร์รุ่นน้องอย่าง Huracan ก่อนที่จะเข้าสู่ยุค EV อย่างเต็มตัวในปี 2028 แต่จะไม่ได้มาในรูปแบบรถซุปเปอร์คาร์ เนื่องจากยังไม่มีเทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าที่รองรับสมรรถนะระดับซุปเปอร์คาร์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา: Motor1