Bentley อัครยานยนต์เมืองผู้ดี ที่มีชื่อเสียงจากเครื่องยนต์ W12 จาก Volkswagen Group อันเลื่องชื่อ กำลังจะถูกถอดออกอย่างเป็นทางการภายในเดือนเมษายน ปี 2024 นี้ โดยจะทำการเตรียมตัวเข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ภายในปี 2030 โดยตั้งเป้ายอดผลิตเครื่องยนต์ W12 รวมกว่า 1 แสนคัน เมื่อถึงเวลาของการยุติอายุขัยของขุมพลังนี้ลง นับว่าเป็น W12 ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกยนตรกรรม

และเนื่องในโอกาสสั่งลาขุมพลัง W12 นี้ ทาง Bentley จึงได้ เปิดตัวซีรีย์จำนวนจำกัด Speed Edition 12 เพื่อเฉลิมฉลองและเป็นการสั่งลาขุมพลังชุดนี้ โดยจะมีจำนวนทั้งหมด 120 คัน และมีให้เลือกครับทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ Bentayga Flying Spur Continental GT coupe และ GTC convertible อย่างละเท่าๆ กัน ซึ่งทั้งหมดจะมาพร้อมกับธีมการตกแต่งเดียวกัน รวมไปถึงขุมพลังบล๊อคเดียวกัน

 

งานออกแบบภายนอกอ้างอิงจากรุ่น Blackline ของแต่ละตัวถัง เพียงแต่ได้เพิ่มเติมคาลิปเปอร์เบรกพ่นสีเงินสุดพิเศษเฉพาะรุ่น และที่ขาดไม่ได้กับป้ายบอกชื่อรุ่น Speed Edition 12 ที่ติดตั้งบริเวณซุ้มล้อคู่หน้าในรุ่น Continental GT coupe และ GTC convertible ขณะที่ Bentayga และ Flying Spur จะติดไว้บริเวณซุ้มล้อคู่หลังแทน สีตัวถังเทาอมเขียว หรือ Opalite จะเป็นสีเฉพาะรุ่น โดยจะสามารถเลือกสีอื่นได้เช่นเดียวกัน โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว สีดำเงา พร้อมทริมตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ฝาครอบกระจกมองข้าง

ภายในจัดเต็มด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังพร้อมแปะตรา Edition 12 ขณะที่คอนโซลหน้าบริเวณช่องแอร์ฝั่งผู้โดยสารมีการสลักตัวเลข 12 ไว้ที่ ปุ่มควบคุมทิศทางลม พร้อมคำว่า Speed Edition 12 และ ตัวเลขลำดับการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ W12 นี้

แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ก็คือลูกค้าที่เป็นเจ้าของหนึ่งใน 120 คันนี้ จะได้รับโมเดลเครื่องยนต์ W12 ขนาดย่อส่วนลงมา 15% เอาไว้ไปตั้งโชว์บนโต๊ะทำงานเพื่อชื่นชมความสุดยอดของเทคโนโลยีได้ ด้วยวัสดุอะลูมิเนียมหล่อเช่นเดียวกับเครื่องยนต์จริง แม้จะไม่ค่อยได้เปิดฝากระโปรงหน้ารถคันจริงก็ตาม

ขุมพลังเบนซิน W12 ความจุ 6.0 ลิตรพ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ให้กำลังสูงสุดกว่า 659 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 900 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual-cluth 8 จังหวะจาก ZF

 

อย่างไรก็ตามทาง Bentley Motors ไม่ได้เปิดเผยราคาจำหน่ายของรถยนต์รุ่นพิเศษนี้ แต่มีการคาดการณ์เบื้องต้นว่า อาจมีราคามากกว่ารุ่น Speed ที่เพิ่มเติม Blackline เข้าไปก็เริ่มต้นที่ 260,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8,764,600 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า

ที่มา: Carscoops