หลังจาก Toyota ได้แถลงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากความบกพร่องของ Daihatsu ในการทดสอบ ATIV โดยได้ส่ง Akio Toyoda มายังประเทศไทยโดยตรงและยืนยันที่จะแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด โดยทยอยตรวจสอบและส่งมอบในเวอร์ชั่นประเทศมาเลเซีย เม็กซิโก และเอกวาดอร์ ขณะที่ประเทศไทยและตะวันออกกลางจะต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและสอดคล้องกับกฎหมายของการได้รับสิทธิภาษีรถ ECO CAR

โดยทาง Akio ได้ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกและจะทำการตรวจสอบอย่างรัดกุม รวมไปถึงการใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ carbon neutrality โดยตั้งเป้าลดมลภาวะ CO2 ให้ได้ 50% ภายในปี 2035 

 

ทั้งนี้ จึงได้มีการคิดค้นยุทธศาสตร์การทำตลาดรถ EV อีกเป็นจำนวนกว่า 10 รุ่น ภายในปี 2026 โดยตั้งเป้ายอดขายรวมของรถ EV เป็นจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านคัน ด้วยการเปิดตัวรถให้ครบทุกความต้องการทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์หรู และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่อเมริกาเหนือและประเทศจีน โดยได้วางแผนความร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจำพวกแบตเตอรี่ จากทั่วทุกมุมโลกเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคตอันใกล้นี้

โดยงานวิศวกรรมพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับรถ EV ทั้ง 10 รุ่นดังกล่าว จะประกอบไปด้วย platform 3 ส่วน ได้แก่ 1. แชสซีส์และชิ้นส่วนโครงสร้างตัวถัง 2.ขุมพลังไฟฟ้า 3. ซอฟท์แวร์ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกรังสรรค์ให้เป็นรถต้นแบบหลากรุ่น ที่เตรียมจะเปิดตัวในงาน Japan Mobility Show ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้

ไฮไลท์อยู่ที่การขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังมีการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปถึงการเข้าไปลงทุนในแต่ละประเทศที่สามารถเปลี่ยนมาใช้รถ Fuel Cell ได้ในอนาคต โดยเฉพาะการจับมือกับภาคเอกชนในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้มีการนำเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมาใช้ในการเดินทางส่วนบุคคล โดยจะจัดทำกิจกรรมเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องให้กับสังคม เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน

 

ในส่วนของตลาดปัจจุบัน ที่ยังคงให้ความสำคัญกับขุมพลัง hybrid เพื่อเป็นตัวช่วยในการเข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้า โดยคาดว่าจะสามารถขยายตลาดทั่วโลกและผลักดันให้ยอดขายรวมมีอัตราการเติบโตกว่า 30% ภายในปี 2030 นี้ 

สำหรับรถ EV ในอนาคตที่เตรียมจะเปิดตัวและเป็นไฮไลท์สำคัญ ได้แก่รถสปอร์ตที่ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าจะมาพร้อมแบรนด์ Toyota หรือ Lexus รวมไปถึงการนำแรงบันดาลใจมาจาก LFA เพื่อสร้างสุดยอดของรถขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เนื่องจากใช้มอเตอร์คู่ 

นอกจากนี้จะมีการติดตั้งเกียร์ธรรมดาเสมือน ทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวและระบบเบรกที่เชื่อมต่อด้วยระบบไฟฟ้า และตั้งเป้าอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 2 วินาที ขณะที่ยังสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางสูงสุด 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 รอบ พร้อมการรองรับแบตเตอรี่แบบ Solid state ในอนาคต

 

Toyota ยังมีแผนเปิดตัวรถ EV กลุ่มรถหรูอีก 2 รุ่น ภายในปี 2026 ที่แปะตรา Lexus รวมไปถึงรถ Compact สำหรับตลาดอาเซียนที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วน โดยทั้งหมดนี้จะถูกเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้งในงาน Japan Mobility Show เดือนตุลาคม 2023 นี้ 

ที่มา: Toyota