Opel หรือ Vauxhall Corsa รุ่นปัจจุบันเป็นโฉมรหัสตัวถัง F ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2019 และได้มีการปรับทักขุมพลัง พร้อมทั้งเพิ่มรุ่น Corsa e หรือรุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วน บนพื้นฐานวิศวกรรม PSA CMP (EMP1) ของเครือ PSA เป็นรุ่นแรก หลังจากออกจาก General Motors ก่อนที่จะโดนควบรวมเป็น Stellantis ในเวลาต่อมา

งานออกแบบด้านหน้าปรับมาใช้สไตล์ Modern Minimal แบบเรียบง่าย ด้วยกระจังหน้าทรงกึ่งทึบหรือที่เรียกว่า Vizor พร้อมกับไฟหน้าใหม่ Intelli-Lux LED แบบ Matrix LED ที่ประกอบไปด้วยหลอด LED จำนวนกว่า 14 หลอด อยู่ภายใน เพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่างให้กว้างไกลยิ่งขึ้น พร้อมกับการลดแสงสะท้อนไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น กันชนหน้าขนาดใหญ่ติดตั้งช่องรับลมด้านล่างเป็นตะแกรงซี่ตาข่ายสีดำ พร้อมคิ้วขนาบมุมกันชนทั้ง 2 ข้าง เพิ่มความโฉบเฉี่ยว ปิดท้ายด้วยสีเทาใหม่ Grafik Grey

 

ด้านข้างยังคงเส้นสายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่มีการปรับลายล้ออัลลอยให้เข้ากับเส้นสายด้านหน้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่ด้านท้าย ยังคงหยิบยกจากรุ่นปัจจุบัน มีเพียงการปรับตัวอักษรรุ่น CORSA สีดำด้านหรือสีเงินตามรุ่นย่อย ให้วางตัวกลางฝากระโปรงท้ายเหมือนกับรุ่นฉลองครบรอบ 40 ปี “Opel Corsa 40” limited edition ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้

ภายในยังคงใช้เส้นสายงานออกแบบ เช่นเดิมครับรุ่นปัจจุบัน แต่ได้มีการอัพเกรดในส่วนของ ระบบเชื่อมต่อและความบันเทิงพร้อมจอกลางขนาด 10 นิ้ว ที่มี ชิปประมวลผลรุ่นใหม่จาก Snapdragon พร้อมการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย นอกจากนี้ยังมีการปรับ ลวดลายของเบาะนั่งที่หุ้มด้วยผ้า ไฮไลท์อยู่ที่ปุ่มเปลี่ยนเกียร์สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนไปใช้เป็นแบบไฟฟ้า พร้อมพวงมาลัยดีไซน์ใหม่

 

มีการเพิ่มขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในที่จะได้รับการปรับปรุงให้พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 48V โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Dual-cluth ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมพละกำลังสูงสุดให้เลือกทั้ง 100 และ 136 แรงม้า

ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปให้เลือกในตลาดยุโรปจำนวน 3 ทางเลือก ได้แก่ รุ่น PureTech 100 เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และรุ่น PureTech 130 อัพเกรดเป็น 130 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ EAT8 รวมไปถึงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ 74 แรงม้า

 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ ชุดขุมพลังของรุ่น EV เพิ่มทางเลือกมอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุด 156 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ทำให้ระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดเพิ่มเป็น 402 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ชาร์จด้วย Quick Charge จาก 20 – 80% ภายในเวลา 30 นาที ด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 100kW ขณะที่รุ่น มอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) ที่ให้ระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 357 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ยังคงมีให้เลือ

ที่มา: Motor1