BMW 4-Series เปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 ที่มาพร้อมกระจังหน้าไตคู่ขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งความสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆและข้อกังขาในหมู่ Bimmers จนถึงปัจจุบันและนับเป็นเวลาในการทำตลาดยาวนานกว่า 3 ปีหรือเป็นช่วงกลางอายุตลาดก็ว่าได้ จึงถึงเวลาอันสมควรแล้วที่ทางค่ายใบพัดฟ้าขาวจะทำการปรับปรุงหน้าตาภายนอกและอัพเดทเทคโนโลยีให้ทันสมัย หลังจากเพื่อนร่วมตระกูลอย่าง 3-series ได้ทำการปรับโฉมไปก่อนหน้าเมื่อกลางปี 2022

โดยรถทดสอบของรุ่น LCI ถูกจับภาพได้ด้วยกันทั้งหมด 3 เวอร์ชั่นได้แก่รุ่นหลังคาแข็งปกติรุ่นหลังคาผ้าใบเปิดประทุนและเวอร์ชั่นสุดร้อนแรงอย่าง M4

 

เนื่องจากการพรางตัวมีแต่เพียงในส่วนด้านหน้าและด้านท้าย จึงสามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนลวดลายและเส้นสายของกันชนหน้า แต่ยังคงมาพร้อมกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่เช่นเดิม อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการนำช่องดักลมที่มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นมาใช้ที่ขอบมุมของกันชนหน้า นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงยังมีในส่วนของรายละเอียดของโคมไฟคู่หน้า ที่จะมีการปรับใช้ไฟ dDRL ในรูปทรงบูมเมอแรงเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมตระกูลอย่าง 3-series

 

ในส่วนของด้านข้างยังคงใช้เส้นสายตัวถังร่วมกับรุ่นปัจจุบัน จะมีแต่เพียงล้ออัลลอยลายใหม่พร้อมการพ่นสีให้มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในด้านท้ายยังมีการพรางไฟท้ายเพื่อเป็นการปกปิดรายละเอียดภายในโคมที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยตามแนวทางการออกแบบของค่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนของกันชนท้ายที่อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ร่วมกับรุ่นปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่รถทดสอบเวอร์ชั่นสุดท้าย ก็อาจเป็นการสับขาหลอกจากค่าย BMW และมีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบของกันชนท้ายในที่สุด

 

รายละเอียดภายในห้องโดยสารจะมีการปรับปรุงไปใช้จอโค้งคู่ที่เรียกได้ว่าเป็นจอสหกรณ์ไปเสียแล้วสำหรับค่าย BMW หลังจากทยอยติดตั้งในรถยนต์หลายรุ่นซึ่งจอคู่นี้จะประกอบไปด้วยจอมาตรวัดแสดงข้อมูลผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้วและจอกลางแสดงระบบ infotainment ขนาด 14.9 นิ้วแบบทัชสกรีน ซึ่งทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุด BMW OS9 ที่ Android เป็นพื้นฐาน และยังมีการเปลี่ยนคันเกียร์ใหม่โดยคาดว่าจะใช้ร่วมกับซื้อมาในรูปแบบมินิมอล

ข้อมูลด้านขุมพลังคาดว่าจะยังใช้ร่วมกับรุ่นปัจจุบันโดยยังไม่ได้มุ่งสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วนในเจเนอเรชั่นนี้และกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรุ่นจะเริ่มต้นภายในปี 2023 นี้ก่อนที่จะพร้อมส่งมอบในช่วงต้นปี 2024

ที่มา: Automedia