ค่ายรถจากแดนมังกรที่ต่างพากันตบเท้าเปิดตัวรถ EV อย่างไม่ขาดสาย โดยหนึ่งในนั้นเป็นแบรนด์น้องใหม่อย่าง Aion ภายใต้เครือ GAC โดยได้เปิดตัวรถตระกูล Aion series หรือรุ่นที่แบรนด์ตั้งใจให้ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆ ในค่าย รุ่นแรกชื่อว่า Aion S ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2019 และสร้างยอดขายเป็นตัวชูโรงของค่าย รวมไปถึง Aion LX รถ SUV รุ่นแรก ที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปีเดียวกัน

ก่อนที่จะเปิดตัวรถต้นแบบ Aion Hyper SSR เป็นรถ supercar รุ่นแรกของค่าย และรถซีดานขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่น GAC Aion Hyper GT ที่งาน 2022 Guangzhou Auto Show ที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน AEP 3.0 รองรับระบบขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วนโดยเฉพาะ และมาพร้อมกับงานออกแบบอันล้ำสมัยด้วยประตูคู่หน้าแบบปีกนก เพื่อสร้างภาพลักษณ์อนาคตของแบรนด์ที่ไม่ได้ผลิตแต่รถ EV สำหรับตลาดใหญ่เพียงอย่างเดียว

 

ในวันที่ 20 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา GAC จึงได้เปิดตัวรถ EV ที่จับกลุ่มลูกค้าใหญ่ ด้วยตัวถัง SUV ขนาด Compact รุ่น Aion V Plus โดยได้รับอิทธิพลเส้นสายการออกแบบมาจากรุ่นพี่ในเครือ GAC Group รุ่นอื่นๆ แต่ถูกปรับให้สมกับความเป็นรถเพื่อการใช้งานในครอบครัวมากยิ่งขึ้น

ภายนอกได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งกว่าเดิมมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ 2 ชั้น และกันชนหน้าพร้อมกระจังแบบเรียบง่าย ขณะที่ภายในมีโทนสีให้เลือกเพิ่มเติม ได้แก่ สีเบจที่มาแทนสีส้ม-เทา เพื่อสร้างบรรยากาศที่โปร่งโล่ง พร้อมคอนโซลหน้าและจอกลางใหม่ ทำงานร่วมกับเครื่องเสียงชุดใหม่

มิติตัวถัง

  • ยาว : 4,650 มิลลิเมตร
  • กว้าง : 1,920 มิลลิเมตร
  • สูง : 1,720 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,830 มิลลิเมตร

 

ขุมพลังของ GAC AION V Plus ที่ถูกอัพเกรดจากรุ่นเดิม โดยทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว TZ190XY105 ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ส่วนระยะทางขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จอยู่ที่ 400 – 600 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ภายใต้เทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบใหม่ เพียง 5 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลสุดกว่า 200 กิโลเมตร และยังให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 9.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทางด้านออฟชั่นความปลอดภัย ทาง Aion ได้ติดตั้งระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติเพียงการสั่งงานผ่านปลายนิ้วสัมผัสด้วยรีโมทปุ่มเดียว รวมไปถึงระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ ADiGO PILOT driving assistance system พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน นอกจากนี้ยังรองรับการอัพเกรดออฟชั่นและระบบการทำงานอื่นๆ ผ่าน over-the-air (OTA) ตามสมัยนิยม ตัวอย่างเช่นโหมด PET เพื่อให้สามารถนำสัตว์เลี้ยงรอภายในรถได้อย่างปลอดภัย พร้อมการแจ้งเตือนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการทำงานของเซนเซอร์และกล้องทั้งภายนอก-ภายในตัวรถ ร่วมกับระบบประมวลผลที่ทันสมัย

 

สำหรับความสำเร็จของ Aion ในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมายอย่างน่าพอใจ ด้วยยอดขายตลอดปี 2023 จำนวนกว่า 45,000 คัน ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ถึง 114% โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา Aion S กวาดยอดขายไปมากกว่า 25,233 คัน นับว่าเป็นแบรนด์รถ EV ที่มียอดขายเป็นรองเพียงแค่ BYD เท่านั้น

Aion V มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 159,900 ถึง 232,900 หยวน หรือประมาณ 776,500 ถึง 1,141,122 บาท

ที่มา: Carnewschina