รายงานยอดขายจากสมาคมรถยนต์นั่งประเทศจีน China Passenger Car Association (CPCA) แจ้งยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 กว่า 9.533 ล้านคัน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 2.8% จากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2022 โดยในจำนวนกว่า 2.093 ล้านคัน เป็นรถ EV ที่กำลังมีการเติบโตทางยอดขาย ขณะที่รถ Plug-in hybrid มียอดขายจำนวน 996,000 คัน ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะถูกเรียกว่ากลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (New Energy Vehicles) หรือ NEVs ซึ่งคิดเป็นยอดขายกว่า 32.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

 

สำหรับอันดับยอดขายรวมทั้งหมดจะพบว่า BYD ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของยอดขายรวมในประเทศจีน พร้อมกวาดยอดขายกว่า 1,098,409 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 11.65% ในขณะที่ Volkswagen คว้ายอดขายอันดับที่ 2 ด้วยยอดขายกว่า 982,290 คัน หรือส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 10.14% ขณะที่อันดับที่ 3 อย่าง Toyota ก็ขายรถยนต์ไปมากกว่า 797,605 คัน หรือส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 8.30% อันดับที่ 4 อย่าง Honda หรือส่วนแบ่งทางการตลาด 5.96% และหน้าใหม่อย่าง Changan ที่ติดอันดับที่ 5 ที่ขายไปได้กว่า 467,194 คัน หรือส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 4.50%

 

สำหรับแนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีแรก รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปอย่าง Volkswagen Toyota Honda และ Nissan ถดถอยอย่างต่อเนื่อง โดยที่ยอดขายรวมของบรรดารถยนต์แบรนด์ต่างชาติเริ่มจะโดนแย่งยอดขายจากแบรนด์สัญชาติจีน โดยเฉพาะรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน

 

สำหรับ Big Bose อย่าง BYD ที่ขายแต่รถ EV และ PHEV เท่านั้น ก็นับว่ามีความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายของรถ EV ในช่วงครึ่งปีแรกที่กวาดไปได้มากกว่า 524,184 ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 25.04% ทิ้งห่าง Tesla ด้วยยอดขายกว่า 294,105 คัน คิดเป็นยอดขาย 14.05% ขณะที่ยอดขายอันดับ 3 อย่าง Aion ก็ไล่ตาม Tesla มาติดๆ ด้วยยอดขายกว่า 211,228 คัน หรือส่วนแบ่งทางตลาด 10.09% และน้องใหม่ท้ายตารางอันดับที่ 10 อย่าง Zeekr ด้วยยอดขายกว่า 42,633 คัน

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่ขายดีที่สุดของครึ่งปีแรกปี 2023 ตกเป็นของ Tesla Model Y กวาดยอดขายไปมากกว่า 203,932 คัน ตามมาด้วย BYD Qin Plus ด้วยยอดขาย 200,274 คัน และ BYD Song Plus ด้วยยอดขายกว่า 176,526 คัน

ที่มา: Carnewschina