ถ้าหากพูดถึงแบรนด์รถสปอร์ตระดับตำนาน เราเชื่อว่าแบรนด์แรกที่หลายคนจะนึกถึง ย่อมต้องเป็น Ferrari ค่ายม้าลำพองจากเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี่ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งในฐานะทีมแข่งขันรถยนต์ Scuderia Ferrari ในปี 1929 ก่อนที่จะสร้างรถยนต์ของตัวเองที่ใช้ชื่อ Ferrari ครั้งแรกในปี 1947

 

ความขลังของชื่อ Ferrari รวมไปถึงความน่าหลงใหลแบบที่เพียงแค่ได้พบเห็นเป็นครั้งแรก เหล่ารถทรงเฉี่ยวที่มักจะมีสีแดง Rosso Corsa อันเป็นสีรถแข่งประจำชาติอิตาลี่ ก็มักจะตราตรึ่งใจผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทำให้แบรนด์ Ferrari ยังคงสถานะรถสปอร์ตที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดได้ และผู้คนที่เป็นแฟนคลับก็มักจะคลั่งไคล้ในรถแต่ละรุ่น โดยเฉพาะรุ่นคลาสสิคระดับตำนานในอดีตทั้งหลาย

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ Cavallino Motors ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถ Ferrari ในประเทศไทย ได้จัดงาน Ferrari Classiche Fair ขึ้นมา โดยรวบรวมเอารถ Ferrari รุ่นคลาสสิคต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งหาชมได้ยาก มาอยู่ ณ ที่เดียว นอกจากนี้ การจัดแสดงนี้ยังเป็นการแนะนำโปรแกรมบำรุงรักษาในโครงการ Ferrari Classiche เพื่อให้เจ้าของรถสามารถรักษารถล้ำค่าเหล่านี้ต่อเนื่องไปได้อีก

 

โดยไม่ว่ารถ Ferrari ซึ่งอายุ 20 ปีขึ้นไป คันนั้นจะถูกซื้อผ่านทางช่องทางตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือการนำเข้ามาอย่างอิสระ ก็สามารถเข้ามาใช้โปรแกรมนี้ได้ โดยนอกเหนือจากจะมีการรองรับด้านชิ้นส่วนแล้ว ยังมีช่างที่ได้รับการรับรองจาก Ferrari รวมไปถึงบริการบันทึกข้อมูลการบำรุงรักษา เก็บเป็นประวัติของรถเพื่อความมั่นใจในกรณีที่ขายรถต่อ

งาน Ferrari Classiche Fair 2023 ถูกจัดขึ้นที่ลานอีเดน ชั้น 1 ของศูนย์การค้า Central World และจะมีการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 23 กรกฎาคม 2023 ในวันนี้ เราจะมานำเสนอรถรุ่นต่าง ๆ ที่ถูกรวบรวมนำมาจัดแสดงในงานนี้ ให้ท่านที่อาจจะไม่มีโอกาสได้แวะเข้าไปที่งาน รวมไปถึงบันทึกความสุดยอดของเหล่ารถที่ถูกรวบรวมมานี้ด้วย


Ferrari 365 GTB/4 “Daytona”

ในอดีต การเดินทางด้วยรถสปอร์ตที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและความรวดเร็ว ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ Ferrari 365 GTB/4 หรือที่ถูกเรียกชื่อเล่นว่า Daytona ก็เป็นหนึ่งในรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ

Ferrari Daytona เป็นรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์ V12 ความจุ 4.4 ลิตร ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำตลาดตั้งแต่ปี 1968 ถึง 1973 และถือได้ว่าเป็น Ferrari 2 ที่นั่ง เครื่อง V12 เครื่องยนต์วางหน้ารุ่นสุดท้าย ก่อนที่จะหายหน้าไปถึง 23 ปี

 

Ferrari 365 GT4 BB “Berlinetta Boxer”

Ferrari 365 GT4 BB หรือที่เรียกชื่อเล่นว่า Berlinetta Boxer เป็นรถที่มาแทนที่ Ferrari Daytona คันด้านบนนั้น และถือได้ว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรถ Ferrari เครื่อง 12 สูบ ที่มี 2 ที่นั่ง เพราะนี่เป็นรถรุ่นแรกซึ่งปรับไปใช้ตำแหน่งเครื่องยนต์วางไว้ตรงกลาง ตอบสนองการเข้ามาของ Lamborghini Miura ซึ่งถูกมองว่าเป็นรถที่มาสร้างบรรทัดฐานของ Supercar ทั้งหมด

Ferrari Berlinetta Boxer ใช้เครื่องยนต์แบบสูบนอน 12 สูบ แต่ความโดดเด่นคือลำดับการจุดระเบิดนั้น ทำให้แท้จริงแล้วมันเป็นเหมือนกับเครื่อง V12 สูบ ที่มีองศาของ V อยู่ที่ 180 องศา จึงถูกจำแนกเป็นเครื่องสูบนอน ทำตลาดตั้งแต่ปี 1973 ถึงปี 1984

 

Ferrari 308 GTBi

Ferrari 308 อาจจะเป็นรถ Ferrari ที่มีคนรู้จักหน้าตามากที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยรูปทรงที่ราบแบน และเป็นทรงลิ่ม มันเหมือนเป็นรถที่ต่อยอดดีไซน์การออกแบบของ Berlinetta Boxer แต่ทำให้มีความแพร่หลายมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดดัง คือการไปปรากฎตัวอยู่ทั้งในภาพยนตร์ และหน้าจอโทรทัศน์ในสื่อสมัยใหม่มากมายหลากหลาย อาทิเช่นภาพยนตร์เรื่อง Against All Odds ในปี 1984 หรือละครโทรทัศน์เรื่อง Magnum P.I.

สำหรับ Ferrari 308 GTBi นี้ เป็นรุ่นหลังคาแข็ง ซึ่งถูกปรับปรุงโฉมในปี 1980 ที่มีการเพิ่มระบบหัวฉีด Bosch K-Jetronic เข้ามาคู่กับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 2.9 ลิตร แทนที่คาร์บูเรเตอร์ Weber แบบ Downdraft 4 ตัวซึ่งทำให้การปรับตั้งนั้นทำได้ยาก อีกทั้งยังสร้างมลพิษสูงในยุคที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

Ferrari F40

Ferrari F40 ก็เป็นอีกหนึ่งรถ Supercar ระดับตำนาน ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น คือเป็นรถเพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใด เช่นความสะดวกสบายหรือประโยชน์ใช้สอย นอกเหนือจากนี้ F40 ยังเป็นรถรุ่นสุดท้ายที่ผู้ก่อตั้งบริษัท Enzo Ferrari เป็นผู้อนุมัติโครงการ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในปี 1988

Ferrari F40 ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 2.9 ลิตร พ่วงเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ติดตั้งเอาไว้ที่กลางรถ ซึ่งทำให้ความเร็วสูงสุดนั้นมากกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในปัจจุบันนี้ รถรุ่นนี้เป็น Supercar ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดจากคนทั่วโลก

 

Ferrari F512 M

Ferrari F512 M เป็นรุ่นปรับปรุงครั้งสุดท้ายของ Ferrari Testarossa และถือได้ว่าเป็นการปิดตำนานของ Ferrari เครื่อง 12 สูบนอน วางกลาง ซึ่งเริ่มต้นจากรุ่น Berlinetta Boxer ในปี 1973 นั่นเอง โดยรถรุ่นนี้ถูกผลิตตั้งแต่ปี 1994 ถึง 1996

สิ่งที่แตกต่างที่สุดจาก Testarossa รุ่นก่อนหน้า คือการหันมาใช้ไฟหน้าแบบธรรมดา ไม่ใช่ไฟ Pop up และลดเหลี่ยมสันสไตล์ยุค 1980 ลงไปให้มาแทนด้วยความโค้งมน คล้ายกับ Ferrari 348 และ F355 ที่เป็นรถรุ่นเล็ก โดย F512 M ยังคงใช้เครื่องยนต์ 12 สูบนอน ขนาด 4.9 ลิตร วางไว้ที่กลางรถเช่นเดิม

 

Ferrari 550 Barchetta

Ferrari 550 เป็นการกลับมาอีกครั้งของ Ferrari 2 ที่นั่ง 12 สูบ เครื่องยนต์วางหน้า สไตล์ Gran Tourer นับตั้งแต่การจากไปของ Ferrari Daytona ในปี 1973 และยังเป็นการแทนที่ Ferrari F512 M ที่ปิดตำนาน Ferrari 12 สูบ เครื่องยนต์วางกลางไป รถรุ่นนี้ถูกผลิตตั้งแต่ปี 1996 จนถึง 2002

Ferrari 550 ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 5.5 ลิตร ซึ่งสร้างพละกำลังสูงสุดถึง 485 แรงม้า โดยมีตัวถังให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือชนิดหลังคาแข็ง และแบบ Barchetta ซึ่งเป็นแบบเปิดประทุนหลังคาระบบอัตโนมือ หรือระบบที่เจ้าของจะต้องติดตั้งหลังคาเอง เหมือนกับการกางเต๊นท์ และถูกจำกัดจำนวนมาเพียง 448 คันเท่านั้น