หลังจากที่ Hyundai เพื่อนร่วมค่ายเปิดตัวรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวที่พร้อมเบาะนั่ง 3 แถว รุ่น Santa Fe ซึ่งมีการเปลี่ยนแนวทางการออกแบบโดยสิ้นเชิง เส้นสายที่โค้งมนถูกเปลี่ยนให้เป็นแนวเหลี่ยมสัน อย่างไรก็ตาม Kia Sorento รุ่นปัจจุบัน หรือเจเนอเรชั่นที่ 4 รหัสตัวถัง MQ4 ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 2020 และใช้งานวิศวกรรมรวมกันกับ Hyundai Santa Fe เจเนอเรชั่นที่ 4 รหัสตัวถัง TM ที่เปิดตัวก่อนหน้าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 ทำให้ไทม์ไลน์การเปิดตัวทั้งรุ่น Minorchange และ Full modelchange ของทั้ง 2 รุ่น ไม่พร้อมกัน และแน่นอนว่า ปี 2023 ยังเป็นเพียงช่วงกลางอายุตลาดของ Kia Sorento เท่านั้น

 

 

ด้วยเหตุนี้ ทาง Kia จึงได้ทำการปรับโฉมเล็กน้อย โดยใช้แนวทางออกแบบของเพื่อนร่วมค่าย ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้าที่มีความอ่อนช้อยมากยิ่งขึ้น ลดทอนความบึกบึนและเปลี่ยนไฟหน้าแนวนอนมาเป็นแนวตั้งรูปตัว T ที่เป็นแนวเส้นของไฟ DRL ทรงเฉี่ยว พร้อมเปลี่ยนลวดลายภายในกระจังหน้าใหม่ พร้อมติดตั้งโลโก้ KIA แบบใหม่บริเวณขอบด้านล่างของฝากระโปรงหน้า จากของเดิมที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้า นอกจากนี้ยังได้ปรับรูปทรงของช่องดักลมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมติดตั้งแผ่นกันกระแทกด้านล่างสีเงินเพิ่มความหรูหรา

 

อย่างไรก็ตามด้านข้างยังคงไว้ซึ่งเส้นสายเดิมเหมือนกับรุ่นปัจจุบันไม่ผิดเพี้ยน แม้กระทั่งชิ้นงานโครเมียมตกแต่งบริเวณรอยต่อระหว่างซุ้มล้อหน้าและประตูคู่หน้าก็ยังใช้แบบเดิม อย่างไรก็ตามได้ติดตั้งล้ออัลลอยลายใหม่ ขณะที่ด้านท้ายมีการปรับลวดลายภายในโคมใหม่ แม้จะยังใช้รูปทรงโคมเดิมก็ตาม เพื่อให้เข้าชุดกันกับไฟหน้าใหม่มาพร้อมกับกันชนท้ายออกแบบใหม่ มีความเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ช่องว่างระหว่างฝากระโปรงท้ายและกันชนมีเส้นสายที่เรียบร้อยกว่าเดิมอีกด้วย

 

ภายในมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เริ่มต้นด้วยช่องลมแอร์แนวตั้งที่มีความโดดเด่นในรุ่นปัจจุบัน ถูกเปลี่ยนเป็นช่องลมแอร์แนวนอนที่มีความมินิมอลมากกว่า เพื่อให้เข้าชุดกันกับแผงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศที่ออกแบบใหม่ มีการยุบรวบปุ่มควบคุมและยกเลิกจอแสดงผลแยกส่วน ทั้งนี้ เพื่อให้มีที่เหลือพอสำหรับจอกลางที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น แบบเดียวกันกับ EV6 และ Sportage เพิ่มเติมความปลอดภัยด้วยระบบปลดล๊อคความบันเทิงด้วยลายนิ้วมือ พร้อมสีภายในใหม่ ได้แก่ สีเทา Interstellar Grey สีน้ำตาล Volcanic S และสีเขียว Cityscape Green

อย่างไรก็ตามรายละเอียดอย่างเป็นทางการรวมไปถึงขุมพลังต่างๆ จะเผยอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2023 นี้

ที่มา: Motor1