หลังจากเปิดตัว Honda e:NS1 และ e:NP1 อย่างเป็นทางการในตลาดประเทศจีนไปก่อนหน้านี้ Honda ก็เร่งขยายตลาดของร่างทรงขุมพลังไฟฟ้าล้วนของ HR-V ภายใต้ชื่อสุดแปลกว่า e:Ny1 ที่นิยามว่าตัวเองเป็นรถ SUV พิกัด B-segment คู่แข่ง Peugeot e-2008 พร้อมท้าชนรุ่นใหญ่กว่าอย่าง Toyota bZ4x และ Volkswagen ID.4

งานออกแบบภายนอกอ้างอิงจาก Honda e:NS1 ที่วางจำหน่ายในประเทศจีนไปเมื่อปลายปี 2022 ภายใต้งานวิศวกรรมพื้นฐาน e:N Architecture F เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ ที่จะทยอยเปิดตัวตามมาจนกระทั่งถึงปี 2027 โดยจะแยกส่วนรายละเอียดทางเทคนิคกับรถ EV ที่พัฒนาร่วมกับ GM และ SONY

 

อุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นเริ่มต้น Elegance มาพร้อมเบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่นเบาะและสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้าเฉพาะฝั่งผู้ขับขี่ กระจกมองข้างพร้อมระบบฝ้า กระจกหน้าต่างแบบ privacy glass ระบบปรับอากาศแบบ Dual zone อิสระซ้าย-ขวา แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ระบบกุญแจ keyless entry จอกลางขนาดใหญ่จุใจถึง 15.1 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย

 

ขณะที่รุ่น Advance จะเพิ่มวัสดุหุ้มเบาะหนังสุดหรูหรา ในรูปแบบหนังสังเคราะห์ เพิ่มเติมหลังคากระจก panoramic ขนาดใหญ่เต็มบาน ฝากระโปรงท้ายพร้อมระบบเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าแบบ hands-free พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่นมือ เครื่องเสียงแบบ premium audio และระบบช่วยนำรถเข้าช่องจอด automatic parking system

 

ทุกรุ่นย่อยจะใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ติดตั้งที่ล้อคู่หน้า ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Ternary lithium-ion ความจุ 68.8 kWh จ่ายกำลังไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่แบบ Ternary lithium-ion ความจุ 68.8 kWh มีระยะวิ่งสูงสุด 412 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
มาพร้อมระบบชาร์จเร็วไฟฟ้ากระแสตรง DC กำลังไฟฟ้าสูงสุด 68 kW เพื่อให้สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 45 นาที ขณะที่การประจุด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 6 ชั่วโมง

โดยราคาจำหน่ายของ e:Ny1 เริ่มต้นที่ 44,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1,972,751 บาท ในรุ่น Elegance และ 47,195 ปอนด์ หรือประมาณ 2,070,698 บาท ในรุ่น Advance พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษาฟรี 5 ปี

อย่างไรก็ตาม Honda ไม่มีแผนจำหน่าย e:Ny1 ในอเมริกาเหนือ เนื่องจากจะเป็นหน้าที่ของ Prologue ที่ใช้งานวิศวกรรมร่วมกับ GM Ulthium platform ที่มีขนาดตัวถังใหญ่กว่า เหมาะสมกับจริตของผู้คนท้องถิ่นมากกว่า

ที่มา: Carscoops