หลังจากที่ได้เสนอข่าวการยุติบทบาทของ Mazda MX-30 เวอร์ชั่น EV ในสหรัฐฯหลังจากมียอดขายสะสมตลอด 2 ปี อายุตลาดไม่ถึง 600 คัน ทิ้งให้ลุ้นกันต่อว่าสำหรับเวอร์ชั่น range extender ที่ติดตั้งขุมพลังในตำนานอย่างเครื่องยนต์โรตารี่เพื่อทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าบรรจุไฟให้กับแบตเตอรี่ จนทำให้ระยะทางสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 161 กิโลเมตร เป็น 597 กิโลเมตร จะยังเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทางแหล่งข่าวท้องถิ่นได้รับรายงานล่าสุดว่า Mazda ได้ตัดสินใจไม่นำ Mazda MX-30 R-EV หรือเวอร์ชั่น rotary plug-in hybrid เข้ามาจำหน่าย หลังจากสายพานการผลิตเพิ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดและยุโรป

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นความพยายามอย่างสูงของทีมวิศวกรของ Mazda ที่ต้องการจะให้การกลับมาของเครื่องยนต์ลูกสูบหมุนมีความหมายสูงสุด โดยอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นเครื่องยนต์ต้นกำเนิดพลังไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด หรือในฐานะ range extender ของระบบ plug-in hybrid

 

เครื่องยนต์โรตารี่ดังกล่าวมีความจุกระบอกสูบ 830 ซีซี. พร้อมระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ และอัตราส่วนกำลังอัดสูงถึง 11.9:1 ทำให้สามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ถึง 75 แรงม้า (PS) ที่ 4,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 116 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ชุดเดียวกับรุ่นปกติ ด้วยกำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร สำหรับความจุถังน้ำมัน 50 ลิตรที่มากพอที่จะเปลี่ยนให้ MX-30 เป็นรถที่เดินทางไกลได้สูงสุด 597 กิโลเมตร โดยที่ยังสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ lithium-ion ความจุ 17.8 kWh ซึ่งสามารถชาร์จได้เต็มด้วยไฟ AC กำลังสูงสุด 11 kW ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 85 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

จุดอ่อนของขุมพลังยังคงอยู่ที่อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ภายในเวลา 9.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 140 กม./ชม. รวมไปถึงระยะทางใน EV mode ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ในรถกลุ่มเดียวกัน

อีกหนึ่งสาเหตุอาจเกี่ยวเนื่องกับการดูแลรักษาเครื่องยนต์โรตารี่บล๊อคใหม่นี้ ที่อาจใช้ค่าใช้จ่ายสูงและอาจมีข้อจำกัดทางมาตรฐานไอเสียของสหรัฐอเมริกา ทั้งหมดนี้อาจทำให้ราคาจำหน่ายสูงเกินความเป็นจริง และไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาดที่พากันลดราคาอย่างหนัก

ที่มา: Autoblog