รายงานยอดขายรถกลุ่มขุมพลังไฟฟ้าล้วนและ Plug-in hybrid ซึ่งถูกเรียกรวมกันว่า New Energy Vehicles (NEVs) เป็นศัพท์เฉพาะทางตลาดจีน ซึ่งสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของประเทศจีนหรือ China Passenger Car Association (CPCA) ได้พิจารณาสัดส่วนของรถกลุ่มนี้ ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมกราคม ถึง มิถุนายน 2023 มียอดขายของรถกลุ่มนี้กว่า 9.54 ล้านคัน ซึ่งแบ่งเป็นรถ EV จำนวนกว่า 7.22 ล้านคัน ทำให้คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 76% สถิติที่น่าสนใจที่ทาง CPCA ได้ตรวจพบก็คือ สัดส่วนของรถ EV ในจำนวน 7.22 ล้านคัน เกิดจากยอดขายในประเทศจีนกว่า 4.4 ล้านคัน หรือคิดเป็น 61% ของทั้งหมด

ต้องยอมรับว่าเทรนด์ของรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กกำลังมาแรงเกินคาด สังเกตได้จากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนที่ขายไปได้มากกว่า 1.28 ล้านคันคิดเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 43% เมื่อเทียบกับเวลาเดียวกันของปี 2022

 

 

อย่างไรก็ตามสัดส่วนของรถยนต์กลุ่มนำไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กในเชิงพาณิชย์ยังคงมีอยู่น้อยนิดเพียง 3% หากคิดเป็นสัดส่วนของยอดขายรถทุกประเภททั้งแบบรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์

สิ่งที่น่าสนใจก็คือตลาดหลักของโลกอย่างประเทศจีนที่ทั้งมีความต้องการภายในประเทศและมีกำลังในการผลิตรถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กเพื่อส่งออกไปจำหน่ายอย่างที่ต่างๆทั่วโลก และคาดว่าจะมีแผนการรองรับการขยายธุรกิจทั้งในรูปแบบการลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ หรือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกันเอง หรือแม้กระทั่งระหว่างบริษัทข้ามชาติ เพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์กลุ่มนี้

 

นับว่าเป็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดไม่ง้อระยะเวลาแต่อย่างใด เนื่องจากยอดขายของรถยนต์กลุ่ม เมื่อย้อนไปในช่วงระหว่างปี 2012 ถึง 2015 อยู่ในระดับ 1.58 ถึง 1.79 ล้านคันต่อปีเท่านั้น ยอดขายที่พอจะเห็นเป็นน้ำเป็นเนื้อว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดเริ่มขึ้นในปี 2020 เมื่อยอดขายของรถยนต์กลุ่มนี้สามารถทำสถิติเกือบแตก 10 ล้านคันต่อปี ด้วยตัวเลข 9.77 ล้านคัน

ขณะที่ยอดขายของปี 2022 ก็ทำไปได้มากกว่า 14.11 ล้านคันดังนั้นหากยึดแนวโน้มการเติบโตของช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 นี้ ที่ขายไปได้แล้วกว่า 9.54 ล้านคัน มีความเป็นไปได้ที่ยอดรวมทั้งปีอาจพุ่งไปจนเกือบแตะ 20 ล้านคัน

ที่มา: Carnewschina