Toyota C-HR เป็นรถยนต์ Compact Crossover รุ่นแรกของ Toyota ที่ถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างงานวิศวกรรม Toyota New Global Architecture  (TNGA) โดยพุ่งเป้าหมายหลักไปยังตลาดโซนยุโรป ตลอดจนกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและอยากได้รถยนต์ใต้ท้องสูงสไตล์ Crossover ซึ่งมีบั้นท้ายแบบรถยนต์ Coupe’ 2 ประตู และมีงานออกแบบภายนอกที่ดูล้ำ ฉีกไปจากจากรถยนต์ทั่วไปของ Toyota ในยุคก่อนหน้านั้น

C-HR เจเนอเรชั่นแรก ถูกเปิดผ้าคลุมเผยโฉมสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกที่งาน Geneva Motor Show เมื่อเดือน มีนาคม 2016 จากนั้นรถยนต์คันแรกซึ่งออกจากสายการผลิตในโรงงานประเทศญี่ปุ่นก็ถูกส่งออกจำหน่ายในตลาดบ้านเกิด วันที่ 14 ธันวาคม ปีเดียวกัน ต่อเนื่องในตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา เม็กซิโก จีน รวมถึงประเทศไทย โดยการเปิดตัวของ C-HR รุ่นแรกในบ้านเราเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2018 ความน่าฉงนในช่วงเวลานั้นคือ Toyota ไม่ได้จัดงานเปิดตัวเชิญสื่อมวลชนตามปกติ ทว่ามีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้ากลุ่มแรกจำนวน 3,000 คน ที่ลงชื่อสั่งจองไปในขณะนั้นแทน

 

ด้วยความโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ ตลอดจนการเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ต TNGA ที่ส่งผลดีต่อการขับขี่ผิดวิสัย Toyota ในยุคก่อน ทำให้ C-HR มีกระแสตอบรับในช่วงแรกดีจนคน Toyota เป็นปลื้มไปตามๆ กัน ทันทีที่เริ่มส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าชาวไทยได้ ยอดขายสะสมของ C-HR ในปี 2018 (มีนาคม – ธันวาคม 2018) โจนทะยานขึ้นไปสู่ตัวเลข 15,930 คัน ครองตำแหน่งจ่าฝูงในกลุ่ม Compact Crossver เฉือนเอาชนะ Honda HR-V ที่ครองหัวหาดมาแต่ตั้งปี 2014

อย่างไรก็ตาม บานกระจกหน้าต่างของห้องโดยสารด้านหลังที่แคบตีบจนทำให้นั่งแล้วรู้สึกอึดอัด (ทั้งที่จริงแล้วพื้นที่ไม่ได้น้อยเลย) ตลอดจนความจุพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่ไม่ใหญ่โตเท่าคู่แข่ง ซึ่งเป็นจุดด้อยเพียงไม่กี่จุดของ C-HR กลับทำให้ Compact Crossover รุ่นนี้ ไม่สามารถยืนตำแหน่งหัวตารางยอดขายได้ต่อเนื่องในปีต่อๆ มา ไม่เพียงแค่นั้น การเปิดตัวพี่น้องร่วมชายคาอย่าง Corolla Cross ในเดือน กรกฎาคม 2020 ยิ่งเป็นการย้ำชัดว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่จ่ายเงินซื้อรถแนว Crossover SUV นั้น ให้ความสำคัญกับความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงความอเนกประสงค์ของพื้นที่ด้านหลังเป็นอันดับต้นๆ แทนที่จะเป็นความแม่นยำในการบังคับควบคุม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

 

ในปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ Corolla Cross กวาดยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 12,945 คัน และสามารถขึ้นครองอันดับ 1 ด้านยอดขายได้สำเร็จ แม้ว่าจะยอดส่งมอบสะสมเพียง 6 เดือน (กรกฎาคม – ธันวาคม) อีกฟากหนึ่งตัวเลขยอดขายของ C-HR กลับหล่นลงมาเหลือเพียง 3,381 คัน เท่านั้น ทำให้จนในที่สุดแล้ว Toyota Motor (ประเทศไทย) ตัดสินใจลดบทบาทของ C-HR ลง ยุติการทำตลาดในรุ่นเบนซิน 1.8 ลิตร คงไว้เพียงรุ่นเบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid ที่ดูเหมือนจะสามารถอัดอุปกรณ์ / options ได้มากกว่า และอาจทำกำไรได้มากกว่าด้วย เนื่องจากอัตราภาษีสรรพสามิตของรุ่น Hybrid ถูกว่ารุ่นเบนซินเพียวถึง 4 เท่า (เบนซินเพียว 20% และ Hybrid 4%)

 

ไม่เพียงแค่นั้น ในการปรับอุปกรณ์ประจำปี MY 2021 C-HR Hybrid ยังถูกยกเลิกทำตลาดในหลายรุ่นย่อย เหลือเพียงรุ่นท็อป Hybrid Premium Safety ซึ่งอัดระบบความปลอดภัยมาแน่นขึ้น อาทิ ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน All-Speed Dynamic Radar Cruise Control, ระบบรักษารถให้อยู่ในเลน Lane Tracing Assist รวมถึงหน้าจอเครื่องเสียงใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto / Apple CarPlay ราคาถูกลง 20,000 บาท และในปี 2022 ยังมีการอัพเกรดความสดใหม่อีกครั้งด้วยรุ่นย่อยใหม่ C-HR GR Sport ซึ่งถูกปรับมาดภายนอกให้ทะมัดทะแมงขึ้น พร้อมอัพเกรดช่วงล่างใหม่ ด้วยช็อกอัพ / คอยล์สปริง จูนเฉพาะ GR Sport แต่ดูเหมือนว่าการกระตุ้นตลาดรอบนี้ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

 

ต่อมาในช่วงต้นปี 2023 ไลน์การผลิตของ C-HR ในไทยได้สิ้นสุดลง และเริ่มหยุดรับจองในบางผู้แทนจำหน่าย ทว่าเพื่อเป็นการระบายสต๊อกที่มีอยู่ C-HR ยังคงถูกลากขายต่ออย่างเงียบๆ จนกระทั่งส่งมอบรถยนต์ล็อตสุดท้ายในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา และล่าสุด บนหน้าเว็บไซต์ Toyota Motor (ประเทศไทย) ได้มีการถอดข้อมูลทั้งหมดของ C-HR ออกจากไลน์อัพรถยนต์ในกลุ่ม SUV & PPV เป็นสัญญาณบอกว่ารถ Compact Crossover รุ่นนี้ ถูกยุติการทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ C-HR โฉมใหม่ (เจเนอเรชั่นที่ 2) ที่เพิ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา วันที่ 26 มิถุนายน 2023 ยังไม่มีแผนนำเข้ามาตั้งไลน์ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทยแต่อย่างใด…