ครั้งสุดท้ายที่ค่ายงูกินเด็กได้เปิดตัวรถสปอร์ต 2 ที่นั่งเรือธงของค่ายต้องย้อนกลับไปถึงปี 2007 กับรุ่น 8C Competizione ที่ผลิตจนถึงปี 2010 ก่อนที่จะอำลาวงการ และห่างหายไปพร้อมกับข่าวสารของรุ่นตัวตายตัวแทน จนกระทั่งเมื่อปี 2018 ที่ทาง Alfa Romeo กลับมาเผยถึงแผนการปัดฝุ่นโครงการรถสปอร์ตรุ่นดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกพับเก็บไปอย่างน่าเสียดายในช่วงที่กลุ่ม Fiat Chrysler Automobiles หรือ FCA เริ่มแตกตัวก่อนที่ Stellantis จะถือกำเนิดขึ้นและได้ปัดฝุ่นโครงการรถสปอร์ต 2 ที่นั่งเรือธงกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่า ในครั้งนี้ได้เลือกเอา 33 Stradale ปี 1967 ที่มีจำนวนเพียง 18 คันทั่วโลก มาเป็นแรงบันดาลใจหลักแทน

 

แน่นอนว่า การวางเครื่องยนต์ในรูปแบบ Mid-engine หรือวางกลางลำ ทำให้กลายเป็นรถสปอร์ตที่น่าสะสม และด้วยจำนวนจำกัดเพียง 33 คัน ตามชื่อรุ่น ที่ทั้งหมดถูกสั่งจองหมดเกลี้ยงก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อครั้ง Alfa Romeo ประกาศรับจองในงานแข่งขันรายการ 2022 Italian Formula 1 Grand Prix ผ่านการเชิญบรรดาลูกค้าคนสำคัญ เข้าไปชมตัวรถก่อนผลิตจริง พร้อมสั่งให้รถแต่ละคันถูกตกแต่งให้มีความเฉพาะคันได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น แผ่นเพลทบอกเลขตัวถัง VIN number ที่สามารถเลือกตัวเลขเองได้ 8 หลัก

 

ภายนอกมาพร้อมกับประตูแบบปีกผีเสื้อ โครงสร้างตัวถังทั้งหมดทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ monocoque เสริมความแข็งแรงด้วย อะลูมิเนียม H-frame พร้อมหลังคาทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม H-frame เช่นเดียวกัน แม้กระทั่งโครงกระจกประตูยังทำมาจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่กระจกชิ้นหลังทำมาจาก polycarbonate น้ำหนักเบา

 

ภายในมาพร้อมกับทางเลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ Tributo และ Alfa Corse โดยแบบแรกจะใช้แนวทางเดียวกับรุ่นคลาสสิค ขณะที่แบบหลังจะมาในรูปแบบรถสปอร์ต นอกจากนี้ยังเน้นการใช้วัสดุอะลูมิเนียมตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแป้น paddle shift และปุ่มคอนโทรลต่างๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Alcantara ทรวดทรงย้อนยุค

 

เครื่องยนต์ที่เลือกใช้เป็นการนำเครื่องยนต์เบนซิน 2.9 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดกว่า 510 แรงม้า (PS) จาก Giulia และ Stelvio Quadrifoglio มาปรับปรุงและขยายความจุให้เป็น 3.0 ลิตร และให้กำลังสูงสุดกว่า 620 แรงม้า ขณะที่แรงบิดทาง Alfa Romeo ไม่ได้แจ้งตัวเลขไว้ แต่คาดว่าจะมากกว่า 600 นิวตัน-เมตร และยังคงส่งกำลังผ่านล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ dual-clutch 8 จังหวะ จาก ZF พร้อม limited-slip differential ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 3 วินาที

 

ช่วงล่างถูกออกแบบสไตล์รถแข่งเต็มตัวประกอบไปด้วย double-arm configuration พร้อมโคอัพแบบ active และ front-axle lift system นอกจากนี้ยังมีระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกจาก Brembo ที่ทำงานผ่านระบบ brake-by-wire

ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงมีทางเลือกขุมพลังไฟฟ้าล้วนรออยู่ในลำดับถัดไป โดยคาดการณ์ว่านำชุดมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว จาก Maserati GranTurismo Folgore ที่อาจให้พละกำลังสูงสุดกว่า 750 แรงม้า มาปรับใช้

 

สำหรับข้อมูลอัพเดทของ Alfa Romeo 33 Stradale พร้อมขุมพลัง EV ทาง Headlightmag จะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง หลังจากเปิดตัวและขายรุ่นเครื่องยนต์สันดาปไปหมดเกลี้ยงในวันที่ 30 สิงหาคม 2023

ที่มา: Motor1