เมื่อวันที่ 4 กันยายน Opel เปิดตัวรถต้นแบบรุ่น Experimental concept ที่งาน IAA เมือง Munich ประเทศเยอรมัน ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-8 กันยายน 2023 นี้ ซึ่งเป็นการเผยให้เห็นถึงแนวทางการออกแบบใหม่และเทคโนโลยีต่างๆที่เตรียมติดตั้งในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมาในรูปแบบตัวถัง Coupe crossover ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐาน STLA platform ที่เน้นประสิทธิภาพในการขับขี่ในรูปแบบขุมพลังไฟฟ้าอย่างสูงสุด

 

ไฮไลท์หลักของรถต้นแบบคันนี้ ได้แก่ Opel Compass ที่มาพร้อมโลโก้ของแบรนด์รูปแบบใหม่ พร้อมไฟเรืองแสงตามสมัยนิยม นอกจากนี้ยังอยู่ในรูปแบบของไฟ Daytime ที่ออกแบบให้เป็นเส้นแนวนอน ควบคู่กับเส้นแนวตั้งขนาดเล็กเพิ่มรายละเอียด กระจังหน้าแบบทึบตามสไตล์รถ EV พร้อมด้วยรูปทรงของกันชนหน้าที่เน้นเหลี่ยมสัน มาพร้อมช่องดักลมสุดโฉบเฉี่ยว ด้านล่างของกันชนติดตั้งครีบรีดอากาศซ่อนตัวอย่างแนบเนียน  ปิดท้ายด้วยบรรดาเซนเซอร์ต่างๆ ทั้ง เรดาร์ LIDAR และกล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของกระจังหน้าสีดำเงา เพื่อให้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขณะที่งานออกแบบด้านข้างมีความเรียบง่าย ด้วยการซ่อนมือเปิดประตูและเหลือไว้เพียงผิวตัวถังที่เรียบเนียน เพิ่มเติมความเรียบร้อยด้วยกระจกมองข้างแบบซ่อนตัวด้วยการใช้กล้องทดแทน แต่ก็ไม่ลืมติดตั้งเส้นแนวเฉียงที่มาพร้อมตัวอักษร EXPERIMENTAL พร้อมด้วยไฟเรืองแสงสีเขียว โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาดใหญ่ ลวดลายแปลกตาที่เน้นมวลลักของแผ่นปิดช่องระบายความร้อนเพื่อให้สามารถแหวกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านท้ายมาพร้อมไฟ LED แบบเส้นตามแนวยาวของตัวรถ โดยได้รับอิทธิพลจากไฟหน้าอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมด้วยไฟเบรกดวงที่ 3 เป็นเส้นตั้งฉากกับไฟท้าย อีกสิ่งที่แปลกตาไปจากรุ่นอื่นๆ ได้แก่ตัวอักษร OPEL ที่ทดแทนโลโก้บริเวณด้านหน้ารถ ปิดท้ายด้วยแผ่นดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่จนกลายเป็นชิ้นส่วนกันชนท้ายไปโดยปริยาย

อีกเทคโนโลยีที่ติดตั้งเข้ามาในรถต้นแบบคันนี้ ได้แก่ หลังคาโซลาร์เซลล์ รวมไปถึงกระจกหน้าต่างทุกบานที่สามารถปรับโทนสีให้เข้ากันกับตัวรถ ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่รอความเป็นไปได้ในอนาคต

 

ภายในที่มีความใหญ่โตกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน ทั้งๆที่ อยู่ในกลุ่ม C-segment แต่ก็มาพร้อมพื้นที่ภายในใหญ่โตระดับ D-Segment พร้อมด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลข้อมูลลงบนกระจกบังลมบานหน้าในรูปแบบ head-up display พร้อมด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบผ่านการปรับแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวช่วยจาก AI

พวงมาลัยแบบ yoke ที่สามารถพับเก็บได้ เมื่อผู้ขับขี่เลือกโหมดช่วยขับขี่อัตโนมัติ พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยและการแจ้งเตือนผ่านฟังก์ชั่นพิเศษ ด้วยการซ่อนดวงไฟขนาดเล็กไว้ที่บริเวณเบาะนั่ง เพื่อทำการแสดงสีที่สื่อถึงภัยอันตรายที่เข้าใกล้ตัวรถ เช่น สิ่งกีดขวาง และยังสามารถปรับสีได้ตามใจชอบเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารในโหมดปกติ

 

สำหรับข้อมูลทางเทคนิคของรถต้นแบบคันนี้ ที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่จากการคาดการณ์ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวหรือคู่ ที่จะใช้ร่วมกันกับรถในเครือ Stellantis รุ่นอื่นๆ โดยคาดว่าจะติดตั้งแบตเตอรี่ที่สามารถวิ่งได้ไกลสุด 700 กิโลเมตร

ทั้งหมดนี้ Opel คาดว่าจะบรรจุเทคโนโลยีในระดับที่สามารถผลิตได้จริง กับรถ EV ตัวถัง Crossover ที่จะทำตลาดแทน Grandland ในปี 2024 นี้

ที่มา: Carscoops