Cadillac CT5 Minorchange รุ่นปรับโฉมของซีดานขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ North American International Detroit Auto Show ปี 2023 ที่มีการปรับรายละเอียดงานออกแบบรอบคันให้ทันสมัย รวมไปถึงการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาในห้องโดยสาร

งานออกแบบด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยลวดลายกระจังหน้าที่ใช้ตะแกรงสีดำเงา พร้อมด้วยการตกแต่งให้หรูหรายิ่งขึ้นด้วยวัสดุโครเมียมตามขอบต่างๆ ขณะที่ไฟหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งที่เน้นขอบด้วยการติดตั้งไฟ DRL ขนาดใหญ่ เป็นรูปตัว L คว่ำ ขณะที่ช่องดักลมด้านล่างถูกปรับเปลี่ยนไปใช้รูปทรงที่มีส่วนโค้งเว้ามากยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ในรุ่น Sport จะได้รับการตกแต่งด้วยวัตถุดำทดแทนวัสดุโครเมียม ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่มาพร้อมลวดลายตาข่ายที่มีความถี่มากกว่า รวมไปถึงการเปลี่ยนไปใช้กันชนหน้า-หลัง ที่มีรายละเอียดเส้นสายแตกต่างกัน พร้อมด้วยช่องดักลมที่มาพร้อมลวดลายเดียวกันกับกระจังหน้าแบบ Sport

 

ภายในได้รับการติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 33 นิ้วแบบโค้ง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่ประกอบไปด้วยหน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่และหน้าจอกลางที่มีความละเอียดสูงถึง 9K ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการจาก Google ซึ่งทำงานร่วมกับผู้ช่วยส่วนตัวหรือ Google Assistant พร้อมด้วยแผนที่นำทางจาก Google Maps และสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้จาก Google Play ทั้งนี้ ยังคงรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายผ่านระบบเครือข่าย 5G และสามารถปล่อย Wi-Fi hotspot ให้กับอุปกรณ์ IT ภายในรถได้อีกด้วย

 

สิ่งที่พิเศษและแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า คือการปรับแต่งหน้าจอมาตรวัดของผู้ขับขี่ได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะแสดงข้อมูลที่จำเป็นและการวางแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานบ่อยมาไว้ใกล้สายตา รวมไปถึงการปรับโหมดการขับขี่ผ่านปุ่มหมุน ที่พิเศษยิ่งขึ้นด้วยโหมดเฉพาะบุคคลซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ นอกเหนือไปจากโหมด Tour Sport และSnow/Ice ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ตัวรถสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟีลลิ่งจากระบบบังคับเลี้ยว การตอบสนองของคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์ รวมไปถึงการตอบสนองของแป้นเบรก

นอกจากนี้ CT5 ยังมาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน อาทิ ระบบเตือนวัตถุในมุมอับสายตาพร้อมระบบช่วยบังคับเพื่อหลบหลีก blind-zone steering assist และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินเมื่อรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางบริเวณจุดตัดทางแยก intersection automatic emergency braking พร้อมออฟชั่นระบบตรวจจับป้ายเตือนจราจร Traffic sign recognition และระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบกึ่งขับขี่อัตโนมัติหรือ Super Cruise

 

ขุมพลังที่ยังคงประจำการอยู่ใน CT5 ยังคงใช้ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 237 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร พร้อมออฟชั่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ให้พละกำลังสูงสุด 335 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 549 นิวตัน-เมตร ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง พร้อมออฟชั่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก

Cadillac จะผลิต CT5 ที่โรงงาน Lansing Grand River ในมลรัฐ Michigan พร้อมกับประกาศราคาจำหน่ายในภายหลัง และจะพร้อมส่งมอบในช่วงต้นปี 2024 นี้ ก่อนที่จะตามมาด้วยรุ่นสมรรถนะสูง CT5-V และ CT5-V Blackwing

ที่มา: Motor1