รถกระบะรุ่น F-150 นับว่ามีความหมายกับแบรนด์ Ford เป็นอย่างมาก เนื่องด้วยเป็นรุ่นที่กวาดยอดขายได้มากที่สุดตลอดกาล และเคยขึ้นแท่นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก โดยในเจเนอเรชั่นปัจจุบันที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 เพิ่งจะได้รับการปรับโฉมในวันที่ 12 กันยายน 2023 นี้ ด้วยการอัพเดทฟังก์ชั่นและหน้าตาให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการชูจุดเด่นที่ฝากระบะท้ายแบบเปิดด้านข้างแยกชิ้นได้บริเวณส่วนกลางของฝากระบะท้าย

รุ่น XLT

งานออกแบบภายนอกมีการปรับปรุงเส้นสายของกันชนหน้าและไฟหน้าใหม่ รวมไปถึงลวดลายของกระจังหน้าและไฟ DRL พร้อมเพิ่มแพ็คเกจของดำให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมในรุ่นย่อย STX และ Lariat พร้อมด้วยรุ่นย่อยตกแต่งเน้นความหรูหราอย่าง Platinum ที่ได้ประโคมเหล่าชุดแต่งโครเมียมรอบคันเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

รุ่น Platinum

จุดเด่นของงานออกแบบภายนอก ได้แก่การติดตั้งฝาเปิดกระบะท้ายแบบแยกส่วนที่เรียกว่า Pro Access Tailgate ที่มีการออกแบบให้ส่วนกลางของกระบะท้ายถูกตัดแยกส่วนและเปิดออกได้แยกชิ้นเป็นอีกช่องทางในการขนถ่ายสัมภาระในพื้นที่จำกัดหรือขณะที่มีการพ่วงเทรลเลอร์ด้านท้าย จนทำให้ยากลำบากในการเปิดฝากระบะท้ายแบบเต็มบาน โดยสามารถเปิดทำมุมได้ 3 องศา ได้แก่ 37 70 และ 100 องศา ยิ่งไปกว่านั้นในรุ่นที่ติดตั้งฝากระบะท้ายแบบนี้ จะมาพร้อมกันชนท้ายขนาดใหญ่ที่ติดตั้งแป้นรองเท้าแบบพับเก็บได้ เพื่อให้การเอื้อมหยิบสัมภาระที่อยู่ในกระบะท้ายเป็นไปได้โดยง่าย

รุ่น FX4

นอกเหนือจากนี้ ยังมาพร้อมกล่องเก็บของและช่องเสียบไฟฟ้าเพิ่มเติมที่กระบะด้านท้าย สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานหนักสำหรับการใช้งานอย่างแท้จริง หรือจะเลือกเป็นกล่องเก็บของทั้งสองข้างของกระบะท้ายก็ย่อมได้ พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือยาวมีการพ่วงเทรลเลอร์อย่าง Trailer Backup Assist และ Pro Trailer Hitch Assist เพื่อช่วยควบคุมตัวรถให้มีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะยามเข้าโค้ง โดยการช่วยเหลือจากกล้องที่บริเวณด้านท้าย รวมไปถึงการถอยเข้าจอดผ่านระบบช่วยเหลือเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

รุ่น Tremor

ภายในมีการติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 12 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐานครบทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยหน้าจอ Head-up display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นระบบนำทาง ระบบช่วยเหลือการขับขี่ BlueCruise 1.2 โหมดการขับขี่ต่างๆ รวมไปถึงสถานการณ์ลากจูง อีกทั้งยังยกระดับออฟชั่นความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2 พร้อมระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติและระบบรักษาตัวรถให้อยู่ภายในเลน และสามารถติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติมในรูปแบบ Subscription รายปี

 

ขุมพลังที่เลือกใช้มีให้เลือก 3 รูปแบบ ดังนี้

3.5 PowerBoost

เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร PowerBoost ซึ่งนำเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost มาจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 47 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ lithium-ion ขนาด 1.5 kWh ในรูปแบบ Full Hybrid จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SelectShift 10 จังหวะ พละกำลังรวมสูงสุด 430 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 773 นิวตัน-เมตร พร้อมด้วย Power Onboard ให้กำลังสูงสุดกว่า 7.2 kW สำหรับต่อพ่วงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ตามสะดวก

 

2.7 EcoBoost

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.7 ลิตร Ecoboost พ่วง Turbocharger พละกำลังสูงสุดมากกว่า 330 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ เท่านั้น

 

V8 “Coyote”

เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 556 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ

 

Ford F-150 มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นย่อย XL SXT XLT FX4 Tremor Lariat Platinum Plus King Ranch Raptor และ Raptor R โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของรุ่นขุมพลัง 3.5 PowerBoost ให้มากขึ้น ด้วยการวางราคาจำหน่ายให้เท่ากันกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินสันดาปล้วน และจะพร้อมส่งมอบตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นไป

ที่มา: Carscoops