ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 Mercedes-Benz ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 26 กันยายน 2023 นี้ Mercedes-Benz (ประเทศไทย) ยังเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% อีก 2 รุ่นเพื่อเสริมทัพไลน์อัพ EV ให้แข็งแกร่งขึ้น ได้แก่ AMG EQE 53 4MATIC+ และ EQE 350 SUV 4MATIC (นำเข้าทั้งคัน CBU)

 

สำหรับรุ่นแรก AMG EQE 53 4MATIC+ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Mercedes Architecture of the Luxury & Premium Class (EVA2) เพื่อต่อกรกับคู่แข่งในกลุ่ม High-performance EV มาพร้อมกับรูปทรงภายนอกสไตล์ท้ายลาด Coupe คล้ายรุ่นพี่อย่าง EQS แต่มีขนาดมิติตัวถังเล็กกว่า ดังนี้ 

  • ความยาว  4,964 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง  1,906 มิลลิเมตร
  • ความสูง  1,492 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักตัวรถ (Kerb Weight)  2,525 กิโลกรัม
  • พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง  430 ลิตร
  

 

ดีไซน์ภายนอกของ AMG EQE 53 4MATIC+ มีความโดดเด่นมากกว่า EQE เวอร์ชั่นปกติเล็กน้อย ลวดลายกระจังหน้าเปลี่ยนจาก Star Pattern เป็นเส้นสีเงินแนวตั้ง Panamericana Grille ตามสไตล์ AMG ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า Digital Light ล้ออัลลอยเป็นลาย Y Spoke สีทูโทนปัดเงา เฉพาะรุ่น AMG ด้านท้ายได้รับการอัพเกรดติดตั้งสปอยเลอร์ Ducktail เพิ่มแรงกดและจัดระเบียบการไหลเวียนอากาศในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง

   

 

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับเบาะนั่ง AMG ทรงสปอร์ตที่มีลวดลายเฉพาะรุ่นหุ้มด้วยหนัง ARTICO ตัดเย็บด้วยมือด้วยด้าย MICROCUT และยังมีหนัง Nappa ให้เลือกอีกด้วย และยังมีลายฉลุ AMG ทั่วทั้งภายใน แผงหน้าปัดด้านหน้าออกแบบมาให้สอดรับกับหน้าจอแบบ Hyperscreen ที่ลาดยาวจากเสา A ข้างซ้ายไปจรดที่เสา A ข้างขวา รวมเป็น 3 จอต่อเนื่องภายใต้รูปแบบ MBUX แต่น่าเสียดายที่เป็นอ็อพชั่นเสริมเช่นเดียวกับ EQE รุ่นปกติ

   

 

แผงหน้าปัดด้านหน้าตกแต่งด้วยหนังแบบเดียวกับเบาะนั่ง พร้อมทั้งเดินด้ายตะเข็บจริงสีแดง พวงมาลัย AMG Performance ทรง D-shape หุ้มด้วยหนัง Nappa เจาะรู พร้อมก้าน Paddle Shift แบบ Aluminium เพื่อปรับระดับแรงหน่วงเพื่อนำพลังงานชาร์จกลับแบตเตอรี่ รวมถึงแป้นเหยียบแบบสปอร์ต ระบบนำทางที่ติดตั้งยังมาพร้อมกับความสามารถ Electric Intelligence เพื่อคำนวณหาเส้นทางที่สั้นที่สุดและสะดวกต่อการขับขี่ ด้วยการรวมตำแหน่งสถานีชาร์จและบรรจุอยู่ในเส้นทาง โดยจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งตามสภาพจราจรและรูปแบบการขับขี่ของคนขับ ระบบนี้จะใช้ฐานข้อมูลจาก Cloud System ผนวกกับ Onboard Data เพื่อวิเคราะห์เส้นทางให้ได้ละเอียดแม่นยำที่สุด

 

 

รายละเอียดขุมพลังของ AMG EQE 53 4MATIC+ มีดังนี้

ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) 2 ตัว กำลังรวมสูงสุด 635 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 90.6 kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ผ่าน On-board Charger สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 170 kW

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 3.5 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 220 km/h
  • ระยะทางการวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็มอยู่ที่ 518 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

โหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT มีทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่

  • Slippery (50% Output)
  • Comfort (80 – 85% Output)
  • Sport (100% Output)
  • Sport+ (100% Output)
  • Individual

โหมดการดึงพลังงานกลับไปยังแบตเตอรี่ 3 รูปแบบ ได้แก่

  • D
  • D –
  • D Auto (One Pedal)
 

 

ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยแบบ Rack & Pinion พร้อมมอเตอร์ผ่อนแรงผสมระบบไฮดรอลิค เสริมด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อคู่หลัง ซึ่งทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา หากใช้ความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม. ล้อคู่หลังจะเลี้ยวในทิศตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้า เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและให้วงเลี้ยวที่แคบ แต่ถ้าใช้ความเร็วเกินกว่านั้น จะเป็นการเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มระยะฐานล้อเสมือน ให้รถมีการทรงตัวดีขึ้น

ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าแบบ 4-link พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง และยังมีระบบช่วงล่างแบบ Adaptive AMG RIDE CONTROL+ ที่สามารถปรับความแข็ง-อ่อน รวมไปถึงความสูงของตัวรถเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการขับขี่ ล้ออัลลอยมีให้เลือกทั้งขนาด 20 และ 21 นิ้ว ซึ่งอย่างหลังสามารถเลือกติดตั้งจานเบรกแบบเซรามิคได้ รวมไปถึงยางสมรรถนะสูงที่ออกมาสำหรับรถ EV โดยเฉพาะอย่าง Michelin Pilot Sport EV

ระบบห้ามล้อ ด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน ขนาด 415 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์ 6 pot ด้านหลังเป็นดิสก์เบรก แบบครีบระบายความร้อน ขนาด 378 มิลลิเมตร จับคู่คาลิเปอร์ 1 pot สามารถเลือกอ็อพชั่นเสริม เป็นจานเบรกคู่หน้าแบบเซรามิค ขนาด 440 มิลลิเมตร เสริมการทำงานด้วยระบบ i-Booster ที่เป็นการผสมผสานระหว่างระบบเบรกแบบไฮดรอลิคและไฟฟ้า เพื่อให้เกิดแรงดันที่เหมาะสมภายใต้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ถูกปรับแต่งโดย AMG

 

 

ทางด้าน EQE 350 SUV เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% จาก Mercedes-Benz อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Mercedes Architecture of the Luxury & Premium Class (EVA2) แต่มาในสไตล์ Crossover SUV ที่เน้นความอเนกประสงค์ และขยายมิติตัวถังให้ใหญ่ขึ้นจาก EQE Sedan 

ขนาดและมิติตัวถังของ EQE SUV มีดังนี้

  • ความยาว 4,863 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,940 มิลลิเมตร
  • ความสูง 1,688 มิลลิเมตร
  • ความยาวฐานล้อ 3,030 มิลลิเมตร
  • ความจุห้องเก็บสัมภาระ 520 ลิตร และ 580-1675 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวหลัง
 

 

งานออกแบบด้านหน้ามีความใหญ่โตเพิ่มขึ้นจากตัวถังซีดาน มาพร้อมไฟหน้า DIGITAL LIGHT กระจังหน้าแบบทึบตามฉบับรถ EV ที่ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉก ตกแต่งด้วยไฟ LED Tube ลากยาวต่อเนื่องจากไฟคู่หน้า คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับรถตระกูล EQ อย่างชัดเจน ไฟท้าย LED แบบ 3D Helix Design

มือเปิดประตูเป็นแบบซ่อนไปกับตัวถังเพื่อความสวยงามและลดอากาศหมุนวนด้านข้างตัวรถ เนื่องจากฝากระโปรงหน้าไม่สามารถเปิดได้เหมือนรถทั่วไป จึงย้ายช่องเติมน้ำปัดน้ำฝนมาไว้ที่ซุ้มล้อหน้าซ้าย ขณะที่บั้นท้ายมีสัดส่วนที่กระชับ มาพร้อมไฟท้ายแบบแนวยาวตลอดความกว้างตัวรถ และแน่นอนว่ามีการซ่อนกล้องหลังไว้ที่โลโก้ดาวสามแฉก เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก บริเวณกันชนหลัง

        

 

ภายในโดดเด่นตามสไตล์ตระกูล EQ ยุคใหม่ ด้วยจอขนาดยักษ์เรียงต่อกันแบบไร้รอยต่อที่เรียกว่า MBUX Hyperscreen แบบจอโค้ง OLED ขนาดรวมกว่า 56 นิ้ว ประกอบไปด้วยจอกลางขนาด 17.7 นิ้ว จอฝั่งผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้ว และจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว การควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถผ่านปุ่มแบบ Touch-sensitive หรือการเลือกจากหน้าจอสัมผัสด้านหน้ารถ และยังมีจอแสดงผล Head-up display ขนาดใหญ่ถึง 77 นิ้ว ที่แสดงผลร่วมกับเทคโนโลยี Augmented Reality (AR)

นอกจากนี้ ยังมีไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Active Ambient Lighting จำนวนมากถึง 190 สี ปรับสีตามการเปลี่ยนแปลงของฟังก์ชั่นตัวรถ ตลอดจนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบอัพเดทแบบ over-the-air technology (OTA) และระบบความบันเทิงสตรีมมิ่งเต็มรูปแบบ ZYNC ดูหนัง ฟังข่าว รายการทีวี เป็นต้น

 

รายละเอียดขุมพลังของ EQE SUV 350 4MATIC มีดังนี้

ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) 2 ตัว กำลังรวมสูงสุด 292 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 858 นิวตันเมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 90.6 kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ผ่าน On-board Charger สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 170 kW

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.0 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด Top Speed ทำได้ 210 km/h
  • ระยะทางการวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็มอยู่ที่ 558 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

 

ข้อมูลและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ EQE 53 4MATIC+ และ EQE 350 สามารรถติดตามได้ทาง www.Headlightmag.com วันที่ 26 กันยายน นี้