BYD ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งวงการรถ EV อย่างแท้จริงด้วยการเผยว่า ทางค่ายได้จดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วนไปแล้วจำนวนมากกว่า 13,000 ฉบับ ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายในการปกป้องแนวความคิดของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 16 เท่าเมื่อเทียบกับจำนวนของสิทธิบัตรของ Tesla นับตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปี 2022 ที่จดสิทธิบัตรไปเพียงแค่ 863 ฉบับ

 

ประเด็นสำคัญที่ BYD ให้ความใส่ใจ ได้แก่การตั้งใจมุ่งมั่นพัฒนาแบตเตอรี่ขึ้นด้วยตกเอง เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของรถ EV ทั้งในยุคนี้และยุคหน้า แตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ที่ยังคงพึ่งพาการซื้อและพัฒนาร่วมกับบริษัทแบตเตอรี่ชั้นนำของโลก นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ BYD มีสิทธิบัตรในมือจำนวนมากมายเท่านี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางด้านประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุนและแหล่งทรัพยากรต่างๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ BYD ต้องแบกรับความเสี่ยง ได้แก่การเปิดเผยข้อมูลในสาธารณะของงานวิศวกรรมที่บรรจุอยู่ในสิทธิบัตรเหล่านี้ ขณะที่สิทธิบัตรเหล่านี้จะถูกควบคุมโดยเหล่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะที่ Tesla กลับเลือกที่จะเก็บข้อมูลเทคโนโลยีใหม่ๆ ไว้แต่เพียงภายในโรงงานของตนเท่านั้น

 

ยิ่งไปกว่านั้น Tesla ยังเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีการนำเสนอผ่านงานวิจัยและสิทธิบัตรที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว มากกว่าที่จะคิดค้นขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ด้วยแนวทางการพัฒนาตัวรถที่เน้นไปทางซอฟต์แวร์และหน้าตา User interface การออกแบบตัวรถเป็นสำคัญ จึงทำให้ระบบส่งกำลังและแบตเตอรี่ถูกออกแบบและพัฒนาร่วมกับบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน มากกว่าที่จะผลิตใหม่ขึ้นมาทั้งหมดเองแบบ BYD

Nikkei Asia ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รายละเอียดสิทธิบัตรของ Tesla จะเกี่ยวข้องกับระบบชาร์จแบตเตอรี่เป็นสำคัญ รวมไปถึงการใส่ใจด้านแหล่งพลังงานหมุนเวียน การติดตั้งสถานีชาร์จทั้งในที่พักอาศัยและถนนหลวง และการสร้างสมดุลในการใช้งานรถ EV โดยมองทั้งระบบเป็นสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากค่ายรถยนต์อื่นๆ ที่มุ่งไปที่ตัวรถยนต์เป็นส่วนใหญ่

 

สิ่งที่น่าจับตามองอีกประเด็น ได้แก่ การเน้นการนำมาใช้ของแบตเตอรี่ประเภท LFP ของ BYD ที่นับว่าเป็นการสวนกระแสของผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อื่นๆ อย่าง LG Chem ที่ยังคงสนับสนุนแบตเตอรี่แบบ NMC ขณะที่ต้นทุนและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ทั้ง 2 ประเภท กำลังปรับเข้าสู่สมดุล ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า แบตเตอรี่แบบใดจะมีจำนวนมากกว่าในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา: Carscoops