F-150 Lightning เปิดตัวเมื่อปี 2021 แต่ก็ปล่อยให้ลูกค้าต้องรอส่งมอบกันข้ามปี และล่าสุดกับการลดราคาเพื่อกระตุ้นตลาดเมื่อ เดือนกรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมของขุมพลัง 2.7 Turbo, 3.5 Turbo Hybrid และ V8 5.0 ไป เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทาง Ford จึงได้ตัดสินใจเพิ่มรุ่นเริ่มต้นของเวอร์ชั่น Extended range ให้กับ F-150 Lightning ที่มีชื่อว่า Flash โดยเน้นไปที่การติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้ทัดเทียมกับรุ่นสูงกว่า โดยที่ลดทอนความหรูหราลงเพื่อให้สามารถทำราคาจำหน่ายได้ไม่สูงจนเกินไป Tow Technology Package, and more

 

F-150 Lightning Flash จะมาพร้อมหน้าจอกลางขนาด 15.5 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เครื่องเสียงจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Bang & Olufsen พร้อมด้วยลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง และ 1 ซับวูฟเฟอร์ พร้อมด้วยแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกุญแจแบบ Keyless หรือที่ Ford เรียกว่า Intelligent Access with push button start ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่น approach detection ที่จะคอยตรวจจับกุญแจที่อยู่ใกล้ตัวรถ พร้อมด้วยระบบปลดล๊อคตัวรถโดยใช้รหัสลับ หรือ SecuriCode keyless access number pad ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ford

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวรถยังมาพร้อมฝากระบะด้านท้ายแบบไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ติดตั้ง แป้นเหยียบเพื่อเข้าถึงกระบะท้ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับการทำงานไม้ยามเร่งรีบ แพ็คเกจ Tow Technology Package ที่ติดตั้งระบบช่วยควบคุมรถยามมีการลากจูง หรือ Pro Trailer Backup Assist ระบบช่วยเบรกเพื่อควบคุมเทรลเลอร์ได้อย่างปลอดภัย Trailer Brake Controller ขอลากแบบไฟฟ้า Smart Hitch พร้อมด้วยจุดเชื่อมต่อขอลากจูงแบบอัจฉริยะ

ขุมพลังของรุ่น Extended Range ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,050 นิวตัน-เมตร ชาร์จไฟผ่าน DC Fast Charge เวลา 10 นาที เพื่อให้ขับขี่ได้อีก 86 กิโลเมตร มาพร้อม Onboard Charger ขนาด 19.2 kW และระบบ Heat pump เพื่อให้ระยะทางสูงสุดได้มากถึง 515 กิโลเมตร

 

สำหรับระบบความปลอดภัยยังมาพร้อมแพ็คเกจ BlueCruise 1.2 ที่ติดตั้งระบบช่วยควบคุมรถรูปแบบต่างๆ และยังสามารถทำการอัพเดทและอัพเกรดได้แบบ OTA หรือ Over-The-Air ตามสมัยนิยม ซึ่งจะทำให้เจ้าของรถสามารถจ่ายเงินซื้อฟังก์ชั่นเพิ่มเติมในรูปแบบสมาชิกรายเดือน หลังจากได้ทดลองใช้งานแล้ว

 

ทั้งหมดนี้ เกิดจากการรับฟังคำตอบรับของลูกค้าถึงความต้องการในฟังก์ชั่นที่จำเป็น โดยได้ทำการตัดอุปกรณ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้งานหรือมีไว้เพื่อเสริมภาพลักษณ์ความหรูหราเท่านั้นออกไป ได้ทำราคาเริ่มต้นได้ต่ำกว่า 70,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.6 ล้านบาท ถูกกว่ารุ่น Lariat Platinum และ Platinum Black โดยจะสามารถสั่งจองและพร้อมส่งมอบได้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 นี้

ที่มา: Carscoops