ท่ามกลางกระแสการบังคับใช้นโยบายกีดกันรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อลดมลภาวะใจกลางมหานครต่างๆในประเทศแถบยุโรป ขณะที่มีเสียงแตกเป็นบ้างเมือง อย่างเช่นกรุง London สหราชอาณาจักร ที่เพิ่งจะพิจารณาเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายยกเลิกการวางจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในออกไปจากเดิม ที่จะบังคับใช้ในปี 2030 เป็นปี 2035

ขณะเดียวกัน เมืองหลวงของสวีเดนอย่าง Stockholm กลับมีแนวคิดในการห้ามรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในสัญจรเข้าสู่เขตใจกลางเมือง โดยกินพื้นที่อาณาเขตกว่า 20 บล็อก ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจและย่านจับจ่ายใช้สอยของผู้คนและนักท่องเที่ยว โดยจะยอมให้ยานพาหนะที่ใช้กลุ่มพลังไฟฟ้าล้วน หรือขุมพลัง Hydrogen fuel-cell สัญจรผ่านเท่านั้น ขณะที่รถบรรทุกและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ถูกอนุโลมให้สามารถใช้ขุมพลัง hybrid ได้ ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป

นับว่าเป็นกระแสความนิยมใหม่ของบรรดามหานครในประเทศเขตสแกนดิเนเวียเริ่มต้นจากประเทศนอร์เวย์ ผู้นำแห่งการใช้รถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าล้วน ที่ได้ตัดสินใจประกาศยกเลิกการวางจำหน่ายของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลล้วน ไร้ซึ่งการพ่วงชุดขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ซึ่งนับว่าว่ามีการบังคับใช้ข้อบังคับนี้ก่อนประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรปกว่า 10 ปี

 

หากข้อบังคับนี้เกิดขึ้นจริงในระยะเวลาดังกล่าวจะทำให้มหานคร Stockholm แห่งประเทศสวีเดน ถือเป็นเมืองหลวงแห่งแรก ที่ไม่มีข้อยกเว้นใดๆสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน และเครื่องยนต์ที่พ่วงขุมพลัง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (hybrid) ทำให้แตกต่างจากเมืองหลวงอื่นๆอย่างเช่น Paris ประเทศฝรั่งเศส Athens กระเทศกรีซ และ Madrid ประเทศสเปน ที่ตั้งใจจะห้ามไม่ให้รถยนต์ที่ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเข้าสู่เขตเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังอนุโลมให้รถยนต์ที่ใช้ขุมพลังเบนซินหรือในรูปแบบ hybrid สามารถสัญจรผ่านได้

ทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสภาพสิ่งแวดล้อมความเป็นอยู่สำหรับผู้คนที่อาศัยและสัญจรอยู่ในเขตเมือง และอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ยอดขายของรถ EV มีผลตอบรับในเชิงบวก ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้

ที่มา: Carscoops