ความร้อนแรงของแบรนด์ BYD จากแดนมังกรนั้นถือว่าน่าจับตาจนแทบจะละสายตาไม่ได้ เนื่องจากกลยุทธ์การบุกตลาดทั่วโลกไม่เพียงแต่เฉพาะประเทศจีนนั้น ทำให้มีการขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆแม้กระทั่งประเทศที่ยังมีจำนวนรถ EV วางจำหน่ายเป็นสัดส่วนที่น้อยมากในตลาดก็ตาม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่ประเทศอิสราเอลที่ทางค่ายได้เข้าไปเปิดตลาดรถยนต์กำลังไฟฟ้าล้วนท่ามกลางอัตราส่วนยอดขายของรถยนต์เครื่องยนต์สำหรับภายในกว่า 90% ของยอดขายรวมในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้คู่แข่งสำคัญของรถจาก BYD ก็ยังคงเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในโดยเฉพาะแบรนด์ที่มาจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งยึดครองส่วนแดงทางการตลาดอยู่แต่เดิม

 

แน่นอนว่ารถยนต์รุ่นที่ทางนำเข้าไปจำหน่ายที่ประเทศอิสราเอลไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ATO 3 ที่เป็นหัวหอกหลักของการลุยตลาดส่งออกไปทั่วโลกในขณะนี้โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 163,500 ILS หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท

เมื่อพิจารณายอดส่งออกของ BYD ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะพบว่าโรงงานในประเทศจีนส่งออกรถยนต์เป็นจำนวนกว่า 15,002 คัน คิดเป็นจำนวน 11 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 แน่นอนว่าในจำนวนนั้นแบ่งเป็นรถยนต์อเนกประสงค์รุ่น ATTO 3 จำนวนกว่า 13,333 คัน

ขณะที่ยอดส่งออกที่นับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ปี 2023 ของ BYD มายังประเทศอิสราเอลคิดเป็นจำนวนกว่า 4,598 คันคิดเป็นอัตราส่วน 18% ของยอดส่งออกทั้งหมดที่มีมากกว่า 25,411 คัน แน่นอนว่าในจำนวนนี้มียอดส่งออกมายังประเทศไทยจำนวนไม่น้อยเนื่องจากความต้องการของรถยนต์รุ่น ATTO 3

 

เมื่อพิจารณายอดขายของรถยนต์ในตลาดอิสราเอลในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะพบว่าตำแหน่งแชมป์ยอดขาย 3 อันดับแรกยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์ที่คุ้นเคยโดยเฉพาะ Hyundai ที่ยืน 1 ด้วยยอดขายกว่า 4,519 ตามมาด้วยแบรนด์จากประเทศเดียวกันอย่าง Kia ก็ขายไปได้กว่า 3,352 คัน ขณะที่แบรนด์จากญี่ปุ่นยอดนิยมอย่าง Toyota ก็ขายไปได้ถึง 2,906 คัน

ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ยอดขายของ BYD ที่กระโดดขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ซึ่งเป็นเบอร์ 1 ของรถยนต์จากประเทศจีน ด้วยยอดขาย 1,590 คัน ตามมาด้วยแบรนด์ Chery ในอันดับที่ 7 ด้วยจำนวน 1,444 คัน และ Geely ในอันดับที่ 9 ที่ขายไปได้มากกว่า 1,000 คัน ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจหากพิจารณาการเข้าสู่ตลาดครั้งแรกของแบรนด์ BYD และ Chery เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา

อยู่ไหนก็ตามสิ่งที่น่าจับตามองก็คือนโยบายการรณรงค์ยุติการขายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทั่วไปสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในในประเทศอิสราเอล ภายในปี 2030 จึงเป็นการเชิญชวนให้บรรดาค่ารถยนต์ผู้ผลิตรถ EV ไม่ว่าจะเป็นค่ารถยนต์จากแดนมังกรหรือค่ารถยนต์ไฟฟ้าตัวพ่ออย่าง Tesla ให้เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังเปรียบเสมือนการขยายยอดขายมายังภูมิภาคตะวันออกกลางและแถบเมดิเตอร์เรเนียน

ที่มา: Carnewschina