ในยุคเปลี่ยนผ่านระหว่างขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนไปสู่ขุมพลังไฟฟ้าล้วนเป็นช่วงเวลาวัดใจของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วทั้งโลกเนื่องจากมีผลกระทบทั้งในด้านต้นทุนการพัฒนาสายพานการผลิตผู้ผลิตชิ้นส่วนรูปแบบการใช้งานและการดูแลการบริการหลังการขายที่แตกต่างกันออกไป

ปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วนได้แก่ต้นทุนของแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถลดลงต่ำได้อย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดและสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพกว่ายุคก่อน จึงส่งผลกระทบให้ผู้ผลิตยานยนต์ในปัจจุบันพุ่งเป้าไปที่รถยนต์ที่มีราคาจำหน่ายสูงพอที่จะเอาชนะต้นทุนที่เพิ่มกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในในปัจจุบัน นั่นก็คือรถในกลุ่ม SUV และ luxury sedan

 

ทิ้งให้รถยนต์ขนาดเล็กที่ถูกข้อจำกัดด้านราคาจำหน่ายเป็นโจทย์หลักให้กับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการจะสร้างการเปลี่ยนแปลง ให้กับรถในกลุ่ม A-B Segment โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปและอเมริกันที่มีข้อจำกัดมากกว่าบรรดาค่ายรถยนต์จากแดนมังกรเป็นทุนเดิม ก็ไม่ไหวที่จะระวังและรอบคอบกับแผนการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วน

หากพิจารณาทิศทางของยอดขายและความเป็นไปของตลาดของรถยนต์กลุ่ม A-B Segment จะพบว่า ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงมีบทบาทหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนยอดขายของรถยนต์กลุ่มนี้

 

แต่หากพิจารณาถึงความแพร่หลายของขุมพลังไฟฟ้าล้วนในรถยนต์กลุ่มดังกล่าวจะพบว่าตลาดประเทศจีนมีการตอบรับที่ดีที่สุดเนื่องจากมีรถ EV ขนาดเล็ก ให้เลือกมากกว่า 34 รุ่น ซึ่งมากกว่า 18 รุ่นในยุโรป ขณะที่สหรัฐอเมริกามีให้เลือกเพียงแค่ 2 รุ่นได้แก่ Chevrolet Bolt EV และ Mini Electric นั่นหมายถึงการตอกย้ำถึงต้นทุนในการสร้างรถ EV ที่ถูกกว่าของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน หลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จึงทำให้ราคาจำหน่ายของรถ Compact สัญชาติจีน ต่ำกว่ารถที่มีขนาดเดียวกันที่ผลิตจากบริษัทสัญชาติอื่นๆ

 

อย่างไรก็ตามตลาดหลักของรถยนต์ขนาดเล็กในประชากรโลกอยู่ที่ อินเดีย อเมริกาใต้ ยูเรเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่มียอดขายของรถกลุ่มคิดเป็นส่วนแบ่งทางตลาดตั้งแต่ 40% ขึ้นไป ขณะที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงไม่ถึง 30% และในทางกลับกัน

 

นอกจากนี้ ส่วนต่างของราคารถยนต์กลุ่ม A-B Segment จากประเทศจีนเทียบกับแบรนด์รถยนต์ทั่วไป มีมากกว่า 42% ยิ่งทำให้การแข่งขันในกลุ่มนี้ มีโอกาสเติบโตยาก ผู้ผลิตรถยนต์จากทั่วโลกต่างหาทางออกกับรถยนต์กลุ่มนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนลดลง หรืออาจถอดใจกับรถยนต์กลุ่มนี้ในอนาคตก็เป็นได้

ที่มา: Motor1