Toyota Crown เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีอายุการทำตลาดยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Toyota เริ่มตั้งเเต่ 1 มกราคม 1955 Toyota เคยนำ Toyota Crown ไปขายในอเมริกาเหนือภายในปีเดียวกันกับการเปิดบริษัท Toyota Motor Sale ในอเมริกาเหนือเเต่ก็ไม่ประสบความสําเร็จเพราะรถทำออกมาเพื่อตลาดรถญี่ปุ่นที่มีเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ไม่ได้ทำเพื่อตลาดรถอเมริกาที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นหลัก Toyota Crown ค่อยๆ ห่างหายไปในตลาดรถอเมริกา Toyota ก็ได้นำ Toyota Crown เข้าไปอเมริกาเหนือเป็นครั้งเเรกในรอบหลายทศวรรษด้วยการเปิดตัวรถ Crown Sedan Crossover เพื่อไปแทนที่ Toyota Avalon ในปี 2022

ล่าสุด Toyota กำลังขยายกลุ่มผู้ใช้งานรถยนต์ด้วยการเปิดตัว Crown Signia ที่พัฒนาขึ้นจากรถต้นแบบ Toyota Crown Estate ซึ่งจะเปิดตัวในงาน LA Auto Show วันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 โดยหวังจะทำตลาดในอเมริกาอีกครั้ง โดยชื่อ “Signia” นั้น มาจากคำว่า Insignia ที่มีความหมายว่า เครื่องราชอิสริยาภรณ์

 

ภายนอกของ Crown Signia ถอดงานออกแบบมาจาก Crown Estate Concept ด้านหน้ามาพร้อมกระจังหน้า Hammerhead Design พร้อมไฟ LED รูปทรงตัว C ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบใหม่ของรถยนต์ Toyota ยุคปัจจุบัน ชายขอบด้านล่างมีการติดตั้งวัสดุตกแต่งสีดำ เสริมด้วยล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้ว สีดำ เพื่อเพิ่มความทะมัดทะแมง และเสริมมาดความเป็น Crossover SUV ในส่วนของบันท้ายมีความโดดเด่นด่วยชุดไฟท้ายแบบ LED Bar ตามสมัยนิยม ยกมาจาก Crown Estate Concept

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 5 เฉดสี ได้แก่ สีฟ้า Storm Cloud,  สีแดง Finish Line Red, สีขาว Oxygen White, สีดำ Black และสีทอง Bronze Age

เบื้องต้น Toyota ยังไม่ได้เปิดเผยขนาดตัวถังของ Crown Signia เวอร์ชั่นผลิตขายจริง แต่คาดว่าจะใกล้เคียงกับเวอร์ชั่นต้นแบบอย่าง Crown Estate Concept ซึ่งมีมิติตัวถัง ดังต่อไปนี้ 

รายละเอียดมิติตัวถัง มีดังนี้

  • ยาว 4,930 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,880 มิลลิเมตร  
  • สูง 1,620 มิลลิเมตร 
  • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร

 

ภายในห้องโดยสารของ Crown Signia มาพร้อมกับหน้าจอชุดมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มดีไซน์เหมือนกันกับ Toyota ยุคปัจจุบันหลายรุ่น ติดตั้งระบบอุ่นร้อนสำหรับประเทศโซนหนาว ข้างกันเป็นหน้าจอกลางระบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth เเละรองรับการเชื่อมต่อ Apple Carplay เเละ Android Auto แบบไร้สาย ชุดเครื่องเสียงเป็นแบบ JBL Premium Audio พร้อมลำโพง 11 ตำเเหน่ง เสริมความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสารด้วยหลังคากระจก Panoramic Sunroof 

เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งด้านหลังเป็นแบบแยกพับ 60 : 40 เพื่อความความอเนกประสงค์ของพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ตามสไตล์รถยนต์อเนกประสงค์ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมระบบเตะเปิด Hand-free Tailgate มาให้ด้วยเช่นกัน

 

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ Hybrid (HEV) เเละ Plug-in Hybrid (PHEV)

เบื้องต้น Toyota มีการเผยข้อมูลของขุมพลัง Hybrid ออกมาก่อน เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Hybrid และมอเตอร์ไฟฟ้า eAxle พละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 243 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four Advanced สามารถปรับการกระจายกำลังล้อหน้าและล้อหลัง ได้ตั้งแต่ 100 : 0 ไปจนถึง 20 : 80 ด้านโหมดการขับขี่ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ NORMAL, ECO และ SPORT

 

ด้านระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ มีการติดตั้งแพ็คเกจปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ ดังนี้ 

  • ถุงลมนิรภัย 8 ตำเเหน่ง 
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อขับออกนอกเลน Lane Departure Alert (LDA)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน Land Tracing Assist (LTA)
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Panoramic View Monitor 
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System 
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
  • ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง Intelligent Clearance Sonar (ICS)
  • ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed

Toyota Crown Signia มีกําหนดขึ้นโชว์รูมพร้อมออกจําหน่ายในสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ของปี 2024 

ที่มา : Toyota