เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา Mercedes-AMG เปิดตัวรหัสร้อนแรงรุ่นเริ่มต้นภายใต้ตระกูล CLE Coupe โดยใช้ชื่อว่า CLE 53 4MATIC+ Coupe เป็นการสานต่อ E-class Coupe ในรหัสเดียวกัน โดยใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จากรุ่น CLE 450 มาปรับแต่งต่อยอด เนื่องจากยังมีเวอร์ชั่นที่มีพิษสงยิ่งกว่าอย่าง CLE 63 รอเปิดตัวในภายหลัง

 

งานออกแบบภายนอกอ้างอิงจาก CLE รุ่นตกแต่ง AMG เป็นหลัก พร้อมด้วยการแต่งเติมกระจังหน้าที่มีความดุดันยิ่งกว่า พร้อมด้วยกันชนหน้าที่ได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมด้วยการขยายความกว้างของซุ้มล้อคู่หน้าและหลังไปอีก 58 และ 75 มิลลิเมตร ตามลำดับ เพื่อให้รับกันกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว หรือ 20 นิ้ว ที่มีหน้ากว้างพิเศษกว่ารุ่นปกติ

 

ด้านหลังมาพร้อมกับงานออกแบบไฟท้ายที่ใช้ร่วมกันกับรุ่นปกติ แต่ได้เพิ่มเติมสปอยเลอร์สีดำเงาขนาดเล็ก พร้อมด้วยชุดกันชนท้ายและปลายท่อไอเสียแบบคู่ จำนวน 2 ชุด แทนที่ปลายท่อไอเสียแบบเหลี่ยมขอบโครเมียมในรุ่นปกติ และสำหรับลูกค้าที่ต้องการความดุดันยิ่งกว่า ทาง AMG ได้เตรียมแพ็คเกจ Optics Carbon และ Night package สำหรับการอัพเกรดชิ้นส่วนดิฟฟิวเซอร์และลิ้นกันชนหน้า รวมไปถึงการเพิ่มเติมชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางแอโรไดนามิกส์

 

ภายในมาพร้อมกับการตกแต่งคล้ายกันกับรุ่นปกติที่ตกแต่งแบบ AMG Line ด้วยพวงมาลัยท้ายตัด AMG Performance ที่ตกแต่งด้วยหนังหุ้มสีดำสลับด้วยหนังกลับ Alcantara พร้อมด้วยชิ้นส่วนตกแต่งทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตขั้นสุดด้วยสีแดง และที่ขาดไม่ได้กับเบาะนั่งทรงสปอร์ต AMG Performance ใช้หนังแบบ Nappa

 

ขุมพลังที่เลือกใช้ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ เรียง ความจุ 3.0 ลิตร พ่วงด้วยระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์  ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นจากรุ่น CLE 450 ด้วยการปรับปรุงห้องเผาไหม้ พร้อมด้วยแหวนลูกสูบชิ้นใหม่ พร้อมด้วยการปรับปรุงระบบหัวฉีด และเทอร์โบชุดใหม่ และแน่นอนว่ายังมาพร้อมระบบ Hybrid แบบ 48V ที่เพิ่มพละกำลังแบบ  EQ Boost ได้อีก 23 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ทำให้ได้พละกำลังรวมเป็น 445 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 560 นิวตัน-เมตร และสามารถเพิ่มเป็น 600 นิวตัน-เมตร ได้ชั่วขณะผ่านโหมด Overboost

ส่งกำลังผ่านล้อทั้ง 4 ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G Speedshift พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ Slippery Comfort Sport Sport+ และ Individual ที่ปรับแต่งได้ทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ช่วงล่างและการตอบสนองของพวงมาลัยให้เหมาะสม และที่ขาดไม่ได้กับโหมด Drift ที่เปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลังตลอดเวลา

  • อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายในเวลา 4.2 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตร / ชั่วโมง เมื่อเลือกติดตั้งแพ็คเกจ AMG Driver

 

แน่นอนว่าระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างจาก AMG steering และ AMG Ride Control suspension system ก็ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นเดียวกัน รวมไปถึงระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลังเป็นมุมไม่เกิน 2.5 องศา ที่ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้าเพื่อช่วยเรื่องวงเลี้ยว ในขณะที่ความเร็วสูงกว่า 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง จะเปลี่ยนเป็นการเลี้ยวในทิศทางเดียวกับล้อคู่หน้าเป็นมุม 0.7 องศา แทน

Mercedes-AMG ยังไม่ประกาศกำหนดการวางจำหน่ายและราคาขายอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ที่มา: Carscoops