รถ SUV ทรงเหลี่ยมสุดหรูกำลังเป็นที่นิยมกันในวงกว้าง โดยกำลังทยอยปรับตัวเข้าสู่ยุคของขุมพลังไฟฟ้าล้วน แต่ก็ยังมีทางเลือกขุมพลังอย่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่พร้อมการพ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ขณะที่หลายค่ายคงไม่คาดคิดว่า การนำขุมพลัง hydrogen fuel cell มาผนวกเข้ากับระบบ Plug-in hybrid จะสามารถเป็นไปได้ในรถยุคปัจจุบันนี้

 

แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันนามว่า Revo (ไม่ใช่ชื่อรุ่นรถกระบะยอดนิยมในบ้านเรา) ซึ่งมาจากมลรัฐ Virginia แห่งสหรัฐอเมริกานี่เอง ด้วยความเป็นผู้ริเริ่มขุมพลังผสมผสานรูปแบบใหม่นี้ขึ้น เพื่อเป็นการปลดข้อจำกัดทางระยะทางขณะที่เดินทางไกล โดยไม่ต้องรอขณะชาร์จไว และสำหรับการใช้งานโดยทั่วไปในเขตเมืองที่มีระยะทางไม่ไกลนักในแต่ละวัน ก็สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้จากการชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟบ้านนั่นเอง

สำหรับระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางกว่า 1,120 กิโลเมตร ขณะที่พลังงานสำรองจากแก๊สไฮโดรเจนก็สามารถเติมได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 7 นาที โดยใช้เวลาน้อยกว่าการประจุพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ ที่ยังไม่เปิดเผยความจุ kWh ในตอนนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวรถยังมาพร้อมประตูสไลด์ด้านข้างแบบแยกออกจากกัน โดยทำให้การขึ้นลงเป็นไปอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในพื้นที่แคบ ซึ่งกลไกในรูปแบบนี้ ทาง Volkswagen ได้นำมาใช้ในรถต้นแบบรุ่นก่อนหน้าอย่าง ID. ROOMZZ โดยยังได้ทำการออกแบบระบบป้องกันการหนีบบริเวณกลางลำตัวรถ เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างไม่คาดคิดได้

 

นอกจากนี้ยังมาพร้อมเบาะนั่งจำนวน 3 แถว อยู่ในรูปแบบ 2-2-2 ที่นั่ง ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารแถวกลาง และสำหรับหน้าจอกลางที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ Tesla ขณะที่ผู้ขับขี่จะสามารถดูข้อมูลได้จากหน้าจอมาตรวัดขนาดเล็ก โดยการสั่งงานควบคุมระบบต่างๆ ยังมีปุ่มควบคุมแบบกดให้ใช้งานได้ โดยเฉพาะบริเวณมือเปิดประตู หัวเกียร์และคอนโซลในบางจุด

 

สิ่งสำคัญที่รถในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ต้องมี ได้แก่การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะวัสดุบุนุ่มหุ้มตามจุดต่างๆ ที่มักมีปัญหาในการย่อยสลาย

โดยในขณะนี้ Revo ได้เปิดให้วางเงินลงชื่อเป็นเจ้าของ Zero ได้ ด้วยเงินจำนวนเพียง 500 เหรียญสหรัฐฯ ที่สามารถทำเคลมคืนได้หากไม่ต้องการรับรถ เนื่องจากตัวรถยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและการทดสอบ โดยยังไม่มีภาพหลุดของรถคันจริงแต่อย่างใด เป็นที่น่าจับตามองในส่วนของสถานีการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ทางค่ายจะสามารถทำได้อย่างที่สัญญาเอาไว้หรือไม่

ที่มา: Carbuzz