จากรายงานยอดขายก่อนหน้าที่ BYD สามารถปิดยอดขายรถยนต์นั่งตลอดปี 2023 ไปได้จำนวน 3,012,906 คัน โดยแบ่งเป็นรถ BEV ขุมพลังไฟฟ้าล้วน จำนวน 1,574,822 คัน และรถขุมพลัง Plug-in hybrid จำนวน 1,438,084 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 52 % และ 48 % ตามลำดับ ทำให้ BYD ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ NEVs (New Energy Vehicles) อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ BEV นั้น Tesla ยังคงครองแชมป์ด้วยยอดขายรวม 1,808,581 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 37.6%

การที่ยอดขาย BEV ของ BYD ขยับเข้ามาใกล้ Tesla มากขึ้น มาจากยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ที่ผ่านมา ซึ่ง BYD ได้สร้างสถิติใหม่ ด้วยยอดขายรถ BEV ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวนกว่า 526,409 คัน สามารถเอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง Tesla ที่ขายรถได้เป็นจำนวน 484,507 คัน

 

BYD นับว่าเป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นเพียงการเป็นบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ในปี 1995 ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ผู้ผลิตยานยนต์ในปี 2003 หลังจากได้รับการสนับสนุน Warren Buffet ในช่วงก่อนหน้า และได้รับแรงกระตุ้นจากหลายทาง จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นของผู้ผลิตรถ EV ได้ในวันนี้

และถึงแม้เส้นทางการเติบโตเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการนี้จะเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ BYD ก็ได้ทำให้เห็นแล้วว่า กลยุทธ์บางอย่างที่ได้กระทำกันมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แทนที่จะพึ่งพาแต่ช่องทางการขายทางออนไลน์เท่านั้น

 

ยิ่งไปกว่านั้นในปี 2024 BYD ยังได้แตกไลน์อัพใหม่ ออกเป็นแบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะ Fang Cheng Bao และ YangWang ที่จับกลุ่มตลาดตัวลุยและอัครยานยนต์สุดหรู ที่ล้วนแล้วแต่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนทั้งสิ้น BYD เองก็เตรียมที่จะเปิดตัว SUV รุ่น Sea Lion และ Yuan UP หลังจากที่ได้กระแสตอบรับดีเกินคาดจาก Song L ขณะที่แบรนด์ YangWang ก็เตรียมเปิดตัวรถซีดานรุ่น U6 และ supercar รุ่น U9 ปิดท้ายด้วย Fang Cheng Bao รุ่น Bao 3 และ Bao 8

ที่มา: Carnewschina