Nio อีกค่ายรถ EV จากแดนมังกรที่สร้างตลาดนอกบ้านเกิดให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับยอดขายตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา ที่กวาดไปได้จำนวนกว่า 160,038 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2022 ถึง 30.66% โดยปิดตัวเลขในไตรมาสที่ 4 เป็นจำนวนกว่า 449,594 คัน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณายอดขายตลอดปี 2023 จะพบว่า สามารถทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายรวมที่คาดการณ์เอาไว้พอสมควร โดย CEO ของแบรนด์อย่าง William Li ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 245,000 คัน ซึ่งทำให้แบรนด์ยังคงขาดตัวเลขอยู่อีก 90,000 คัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น Nio ยังไม่ได้เผยเป้าหมายของยอดขายในปี 2024 นี้ แต่อย่างใด แต่ได้มีข้อมูลหลุดเบื้องต้นว่า Nio ตั้งเป้ายอดขายไว้ต่ำกว่าปี 2023 เล็กน้อย ที่ 230,000 คัน ตามเอกสารที่ส่งต่อไปยังรายชื่อผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ

เมื่อพิจารณายอดขายของ Nio ในเดือนธันวาคม 2023 จะพบว่า ขายไปได้เป็นจำนวน 18,012 คัน โดยแบ่งออกเป็นรถ SUV จำนวน 12,048 คัน และ รถซีดานจำนวน 5,964 คัน จากรถจำนวนทั้งหมด 8 รุ่น ซึ่งมี ES6 SUV และ ET5 ซีดานเป็นหัวหอกหลักในการเนรมิตตัวเลขนี้

อย่างไรก็ตาม แผนการก่อสร้างสถานีการสลับแบตเตอรี่ swap stations (PSS) ของ Nio ในประเทศจีนกลับทำได้เกินเป้าหมายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยตลอดปี 2023 Nio ได้ตั้งใจที่จะเปิดสถานี PSS ให้ได้เป็นจำนวน 2,300 แห่ง จากการเปิดสถานีเพิ่มอีกจำนวน 1,000 แห่ง โดยข้อมูล ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2023 จะพบว่า Nio เปิดใช้งานสถานี PSS รวมแล้วกว่า 2,320 แห่ง

ถึงกระนั้นเป้าหมายการสร้าง PSS ในภูมิภาคยุโรปกลับทำไม่ได้ตามเป้าหมาย ที่วางไว้เป็นจำนวน 80 แห่ง โดย Nio ได้เปิดใช้งานสถานี PSS ไปแล้วเพียง 35 แห่งเท่านั้น

 

ในปี 2024 นี้ Nio เตรียมเปิดตัวแบรนด์รถใหม่ที่มีราคาจับต้องได้ง่ายขึ้น โดยอาจใช้ชื่อว่า “Alps” ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ Volkswagen group ตั้งแบรนด์ Seat ขึ้นมา โดยแบรนด์ใหม่นี้จะมีศูนย์วิจัยและพัฒนาแยกส่วนอย่างชัดเจน และวางราคาจำหน่ายในบ้านเกิดในช่วงราคา 200,000 – 300,000 หยวน หรือประมาณ 9.8 แสน – 1.5 ล้านบาท

และต่อเนื่องไปยังปี 2025 ที่ Nio เองก็เตรียมที่จะเปิดตัวรถรุ่นเริ่มต้นที่ใช้ชื่อเล่นในการพัฒนาว่า “Firefly” ที่คาดว่าจะบุกตลาดยุโรปก่อนด้วยราคาที่จับต้องได้ง่าย หลังจากที่ได้เปิดตัวรถซีดานสุดหรูอย่าง ET9 ไปก่อนหน้าในวันที่ 23 ธันวาคม 2023 แต่กว่าจะถึงกำหนดการส่งมอบ ลูกค้าที่สั่งจองกลับต้องรอนานถึง 1 ปี จนกว่าจะเริ่มได้รับรถ

ที่มา: Carnewschina