Chevrolet เปิดรุ่นย่อยใหม่เอาใจสายลุยเพิ่มด้วย Equinox Activ ที่ได้รับการตกแต่งภายนอก-ภายในในรูปแบบเดียวกับรถ SUV ที่หลายๆค่ายในอเมริกาเหนือวางจำหน่าย โดยเฉพาะผู้นำเทรนด์อย่าง Subaru Forester Wilderness ซึ่งทาง Chevrolet ได้ทำการปรับโฉมให้กับ Equinox ไปพร้อมกันนี้ โดยยังคงใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกับรุ่นก่อนหน้า แต่ได้ทำการขยายระยะฐานล้อและความกว้างตัวถังออกไปอีก 2.3 นิ้ว

โดยงานออกแบบภายนอกเลือกใช้เส้นสายร่วมกันกับรุ่น Traverse และ Trailblazer ที่มาพร้อมไฟหน้าแบบแยกส่วนกับไฟ DRL ที่เข้าชุดกันกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมเส้นตกแต่งตามแนวความกว้างตัวถังด้านหน้า

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปโฉมของ Equinox ที่ไม่ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา หากแต่เป็นประเทศจีน ที่ได้ยลโฉมนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ที่ซึ่งค่ายรถยนต์แดนมะกันมักจะใช้เป็นภูมิภาคหลักในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายกันถ้วนหน้า เส้นสายภายนอกยังคงสร้างเอกลักษณ์เช่นเดียวกับ Equinox อีกหลายรุ่นที่ผ่านมา ทั้งเส้นสายบริเวณเสา C และยังมาพร้อมกับการตกแต่งหลังคาแบบลอยตัว ขณะที่ไฟท้ายเลือกใช้ขนาดสมส่วนไม่เทอะทะแบบรถสมัยใหม่เท่าไรนัก

ภายในมาพร้อมคอนโซลหน้าออกแบบใหม่ เข้ากันกับหน้าจอมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่และหน้าจอกลางที่เป็นจอแผงคู่ขนาดฝั่งละ 11.3 นิ้ว อย่างไรก็ตามจอทั้งสองเป็นแบบแยกส่วน ไม่ใช่จอแบบชิ้นเดียวเหมือนกับรถยนต์สมัยใหม่หลายๆรุ่น สำหรับการสั่งงานและการควบคุมฟังก์ชันต่างๆภายในห้องโดยสารยังคงมีการติดตั้งปุ่มควบคุมเพื่อมอบความสะดวกในการใช้งาน มาพร้อมระบบปรับอากาศแบบเต็มฟังก์ชั่นปรับได้หลากหลายและเบาะนั่งที่ติดตั้งระบบอุ่นเบาะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

 

Chevrolet ยังได้ติดตั้งพร้อมมาตรฐานอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นระบบอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยรวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ภายในเลนระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติระบบตรวจจับคนเดินถนนและคนใช้จักรยานและยานพาหนะอื่นๆ เป็นต้นซึ่งแต่เดิมระบบช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้มักจะถูกจัดไว้เป็นแพ็คเกจให้ลูกค้าต้องเสียตังค์เพิ่ม

 

สำหรับรุ่นย่อยตกแต่งพิเศษเน้นภาพลักษณ์แนวบึกบึนแข็งแกร่งนี้ ภายนอกจะมาพร้อมชุดแต่งรอบคันเน้นวัสดุสีดำ เข้าชุดกันกลับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางแบบ All-terrain ภายในตกแต่งด้วยโทนสีทูโทนและเลือกใช้วัสดุผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์ที่ให้ผิวสัมผัสใกล้เคียงกับหนัง Alcantara และวัสดุผ้า Evotex ที่มีเส้นใหญ่ขนาดเล็กเป็นพิเศษเพื่อให้สัมผัสที่นุ่มกว่าผ้าทั่วไป

ขุมพลังที่ติดตั้งมีให้เลือกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นโดยเลือกใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบความจุ 1.5 ลิตรพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ให้พละกำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT และอัพเกรดแรงบิดเป็น 275 นิวตัน-เมตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สำหรับรุ่นย่อยและมาพร้อมหมดการขับขี่ที่เลือกได้ระหว่าง Normal Snow และ Off-Road ซึ่งโหมดอันสุดท้ายจะมีให้เลือกในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น

ที่มา: Motor1