Skoda เลือกใช้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ในการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของรถครอบครัวยอดนิยมของค่ายอย่าง Octavia ที่เน้นจับกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้าน โดยรุ่นปัจจุบันเปิดตัวตั้งแต่ปี 2019 มีให้เลือกทั้งตัวถังแบบ Hatchback และ Estate ที่นับเป็นรุ่นขายดีตลอดกาลของค่าย

ภายนอกมีการปรับงานออกแบบกันชนหน้าและกันชนท้ายใหม่ โดยใช้แนวทางการออกแบบร่วมกันกับรุ่นพี่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าอย่าง Superb และ Kodiaq ที่ขยายขนาดของช่องดักลมใหม่ให้ใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยการเปลี่ยนโคมไฟหน้า-ไฟท้ายใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี LED Matrix ที่เรียกว่า “Crystallinium” ขณะที่รุ่นย่อย Sportline จะมาพร้อมชุดตกแต่งตัวถังรอบคันเป็นวัสดุสีดำเงา พร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และช่วงล่างสปอร์ตที่ลดความสูงตัวถังลงให้มี fitment ที่สวยงามจากโรงงาน

 

ภายในมาพร้อมกับงานออกแบบธีมเดิม แต่ได้เปลี่ยนหน้าจอกลางขนาดมาตรฐานเป็น 10 นิ้ว ที่สามารถอัพเกรดเป็นขนาด 13 นิ้วได้ ขณะนี้หน้าจอมาตรวัดแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Full Digital ก็ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมกันนี้ยังได้อัพเกรดวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในห้องโดยสาร รวมไปถึงวัสดุหุ้มเบาะอีกด้วย นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยยังได้ถูกปรับปรุงให้ใช้อุปกรณ์ ADAS เวอร์ชั่นล่าสุด และยังมาพร้อมออฟชั่นระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ ที่สามารถสั่งการได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัวที่ใช้ AI และ Chat GPT เป็นผู้คอยจัดการระบบการทำงานทั้งหมด

 

ขณะที่รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง RS ก็ได้รับการอัพเกรดงานออกแบบภายนอกด้วยชุดแต่งรอบคัน ที่เพิ่มช่องดักลมขนาดใหญ่ รวมไปถึงปลายท่อไอเสียแบบคู่ที่ด้านท้าย ขณะที่ภายในมาพร้อมเบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มด้วยหนังกลับสีดำ เดินด้ายสีแดง พร้อมด้วยทริมตกแต่งภายในห้องโดยสารวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แป้นเหยียบอะลูมิเนียมและพวงมาลัยพร้อมป้ายบ่งบอกความแรง RS แบบ 3 ก้าน นอกจากนี้ยังมาพร้อมชุดท่อไอเสียพร้อมแผดเสียงคำรามและช่วงล่างแบบพิเศษเฉพาะรุ่น

 

ทางด้านขุมพลังทั้งหมดยังคงมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร TSI พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 2 ระดับความแรง ได้แก่ 116 / 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 220 / 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ขณะที่ขุมพลังเบนซินพ่วงระบบ Mild-hybrid TSI mHEV ก็มีให้เลือก 2 ระดับความแรงเช่นเดียวกัน ได้แก่ 116 / 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 220 / 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ DSG

 

ในส่วนของขุมพลัง เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร TSI พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่มีให้เลือกในรุ่น RS และ รุ่น AWD ก็มาพร้อม 2 ระดับความแรงเช่นกัน ได้แก่ 265 / 250 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 370 / 320 นิวตัน-เมตร ทั้ง 2 รุ่นเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ DSG โดยในรุ่น RS จะส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า พร้อม limited-slip differential ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า

ขณะที่ขุมพลังดีเซลก็ยังคงมีให้เลือกอยู่เช่นเคย โดยยังคงใช้บริการ รหัส 2.0 TDI ที่มีพละกำลังสูงสุดให้เลือก 2 ระดับความแรง ได้แก่ 116 / 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 300 / 360 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ DSG ตามลำดับ

 

ภายหลังจากนี้คาดว่าจะมีการปล่อยรุ่น Plug-in hybrid หรือรุ่น iV ที่ได้รับการอัพเกรดขุมพลังตามมาในภายหลัง ที่คาดว่าจะสามารถวิ่งได้ในโหมด EVด้วยระยะทางเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ขณะที่รุ่น CNG จากโรงงานอย่าง Octavia G-Tec ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะมีวางจำหน่ายในรุ่นปรับโฉมหรือไม่

ที่มา: Carscoops