Audi ยังคงเตรียมทำตลาดรถอนุกรมเดิมแต่เปลี่ยนการเรียกชื่อรหัสใหม่ โดยรหัสเลขคู่จะหันไปคบขุมพลังไฟฟ้าล้วนบนพื้นฐานงานวิศวกรรมที่แตกต่างจาก รหัสเลขคี่ที่จะยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยทั้ง 2 จะทำตลาดควบคู่กันไป ตัวอย่างเช่น A4 Avant ที่จะใช้ขุมพลังไฟฟ้าล้วนจะถูกสร้างขึ้นบน PPE (Premium Platform Electric) platform ในขณะที่คู่แฝดอย่าง A5 Avant จะใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน PPC (Premium Platform Combustion) platform ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก MLB evo platform

โดยภาพแอบถ่ายชุดนี้ที่ทางช่างภาพถ่ายได้บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์วิจัยและออกแบบ R&D centre ของ Audi แสดงให้เห็นถึงเส้นสายของตัวรถที่คาดว่าจะเป็น A5 Avant เนื่องจากมีปลายท่อไอเสียคู่ติดตั้งที่บริเวณท้ายรถ พร้อมกับการพรางตัวเพียงเล็กน้อยบริเวณโลโก้ ขณะที่ไฟหน้าและกระจังหน้ารวมไปถึงช่องดักลมของรถรุ่นใหม่นี้ได้ถูกเปิดเผยให้เห็นแบบเต็มๆตา

 

ด้านข้างมาพร้อมมือเปิดประตูแบบ flap type ตามสมัยนิยม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ พร้อมปรับให้เส้นสายมีความทันสมัยยิ่งขึ้น ติดตั้งฝาปิดถังน้ำมันบริเวณด้านข้างตัวถัง พร้อมโป่งซุ้มล้อที่เสริมมัดกล้ามให้กับตัวรถ

ด้านท้ายมาพร้อมไฟ LED แบบเรียวยาวตลอดความกว้างตัวถัง โดยยังถูกพรางด้วยสติ๊กเกอร์สีดำเล็กน้อย และในส่วนของสปอยเลอร์ที่ติดตั้งมาให้อย่างลงตัว ปิดท้ายด้วยปลายท่อไอเสียข้างซ้ายและขวาอย่างละ 1 ท่อแบบท่อเหลี่ยมขนาดใหญ่

 

ข้อมูลเพิ่มเติมด้านขุมพลังที่รถออนุกรมเลขคี่จะเลือกใช้ ยังคงรับช่วงต่อมาจากรุ่นก่อนหน้า โดยยังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 TSFI และดีเซล 2.0 TDI ที่ให้พละกำลังตั้งแต่ 150 ถึง 265 แรงม้า และ 136 ถึง 204 แรงม้า ตามลำดับ ทั้งหมดนี้จะพ่วงกับระบบส่งกำลัง S tronic dual-clutch โดยเครื่องยนต์จะวางในแนวตามยาว และมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ในรุ่นขุมพลังที่แรงกว่านี้

พิเศษสำหรับขุมพลัง 2.0 TFSI ที่จะมาพร้อมระบบ plug-in hybrid ซึ่ง Audi ตั้งใจให้มีระยะทางในโหมด EV ไกลสุดถึง 100 กิโลเมตร ขณะที่เวอร์ชั่นไม่เสียบปล๊กทั้งหมดก็จะเลือกใช้มอเตอร์มาแทนสตาร์ทเตอร์ในรูปแบบ mild-hybrid โดยยังมีข่าวออกมาว่าเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 TDI V6 จะยังคงมีให้เลือก

 

ทั้งหมดนี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีภายในห้องโดยสารทีทันสมัย ด้วยระบบศูนย์ข้อมูล command centre และการเชื่อมต่ออย่างครบครัน ทั้งหน้าจอกลางขนาดใหญ่ และหน้าจอมาตรวัด Full digital ที่ติดตั้ง head-up display และยังมีผู้ช่วยส่วนตัว intelligent voice control ที่ติดตั้งระบบ Artificial intelligence เป็นพื้นฐาน เพื่อให้การทำงานของฟังก์ชั่นต่างๆ สามารถปรับให้เข้ากับผู้ขับขี่ได้อย่างเหมาะสมที่สุด

ที่มา: Automedia