Honda ประเทศญี่ปุ่นเปิดตัว Accord เจเนอเรชั่นที่ 11 เพียงรุ่นย่อยเดียวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2024 โดยใช้เส้นสายงานออกแบบรอบคันเหมือนกันกับเวอร์ชั่นอเมริกาเหนือและไทย แต่ไม่ใช่การตกแต่งภายนอกด้วยของดำแบบรุ่น RS ถึงกระนั้น ก็ยังเลือกใช้ล้ออัลลอยและชิ้นส่วนตัวถังพื้นฐานร่วมกันกับรุ่น RS เวอร์ชั่นไทย อันประกอบไปด้วยช่องดักลมสีเงิน สเกิร์ตข้างสีดำเงา และการตกแต่งบริเวณเสา B ด้วยวัสดุดำเงาเช่นเดียวกัน

 

สำหรับงานออกแบบภายในมีความแตกต่างที่เบาะนั่งซึ่งไม่ได้มาพร้อมการเดินด้ายสีแดงแต่อย่างใด แต่เลือกใช้ด้ายสีขาวแทน พร้อมด้วยคันเกียร์แบบปุ่มกดไฟฟ้าแทนที่คันเกียร์แบบคันโยกในเวอร์ชั่นไทย นอกเหนือไปจากนั้นยังคงอัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เพียบพร้อมสำหรับการใช้งานอย่างครบถ้วน พร้อมด้วยไฟสร้างบรรยากาศภายในตัวรถที่สามารถปรับสีได้ 7 สี

 

หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานผ่านระบบปฏิบัติการจาก Google (Google Assistant Google Maps และ Google Play) มาพร้อมการจัดเรียงและการสั่งงานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ทำงานร่วมกับการเชื่อมต่อ Honda CONNECT พร้อมด้วยหน้าจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 10.2 นิ้ว ไฮไลท์อย่างระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า Head-up Display ขนาด 11.5 นิ้ว ก็มีติดตั้งมาให้พร้อมสรรพ และปุ่มควบคุมแบบหมุนที่มาพร้อมจอแสดงผลขนาดเล็กเพื่อให้รองรับการทำงานได้อย่างครบครัน โดยไม่ต้องสั่งงานผ่านจอสัมผัสเพื่อรบกวนสมาธิยามขับขี่ พร้อมด้วยชุดเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง

 

เครื่องยนต์รหัส LFC2 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 81.0 x 96.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 13.9 : 1 ฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle กำลังสูงสุด 147 แรงม้า (PS) ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor 2 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ Generator และมอเตอร์ขับเคลื่อน พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ที่ 0-2,000 รอบ/นาที เมื่อรวมพละกำลังสูงสุดทั้งระบบจะเป็น 207 แรงม้า (PS) มาพร้อมโหมดการขับขี่ Drive Mode 5 รูปแบบ ได้แก่ Econ Comfort Normal Sport และ Individual พร้อมแป้นปรับระดับการหน่วงหลังพวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors และปุ่มสั่งใช้ระบบใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น รวมไปถึงชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่

 

ฟังก์ชั่นความปลอดภัย Honda SENSING 360 อันประกอบไปด้วย

  • ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก Collision mitigation brake <CMBS>
  • ระบบป้องกันการออกตัวอย่างรุนแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ Erroneous start suppression function
  • ระบบป้องกันการถอยหลังอย่างรุนแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ Erroneous rear start suppression function
  • ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก Short-range collision mitigation brake
  • ระบบช่วยหักเลี้ยวเพื่อหลบคนเดินถนน Pedestrian accident reduction steering
  • ระบบป้องกันรถออกนอกเลน Road departure prevention function
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive cruise control with traffic congestion tracking function <ACC>
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane keeping support system <LKAS>
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Leading vehicle start notification function
  • ระบบตรวจจับป้ายจราจร Sign recognition function
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ adaptive driving beam
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic jam assist (traffic jam driving support function)
  • ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหน้า Blind spot information
  • เซนเซอร์กะระยะรอบคัน parking sensor system
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง Backward issue support
  • ระบบตรวจสอบสมาธิของผู้ขับขี่ driver attention monitor
  • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ honda parking pilot
  • ระบบเตือนรถยนต์ตัดหน้า Front crossing vehicle warning
  • ระบบป้องกันการชนขณะเปลี่ยนเลน Collision prevention function when changing lanes
  • ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Lane change support function

Honda ตั้งราคาจำหน่ายของ Accord e:HEV ไว้ที่ 5,449,400 เยน หรือประมาณ 1,318,029 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า พร้อมทางเลือก 5 สีตัวถังได้แก่ สีขาว Platinum white pearl สีแดง Ignite Red Metallic สีน้ำเงิน Canyon River Blue Metallic สีเทา Meteoroid Gray Metallic และสีดำ crystal black pearl

ที่มา: Honda