Volkswagen เปิดตัวรถ EV สมรรถนะสูงตัวถังแวกอนเอาใจพ่อบ้านเท้าหนักแต่รักษ์โลก ด้วยรุ่น ID.7 GTX Tourer ที่ได้โค่นตำแหน่งรถแวกอนในรูปแบบโปรดักชั่นคาร์ที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Volkswagen หลังจากก่อนหน้านี้เป็นของ Golf R Variant

 

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมชุดแต่งที่ทำให้ตัวรถดูสปอร์ตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านหน้าที่ติดตั้งไฟ DRL รูปทรงสามเหลี่ยม ที่เชื่อมต่อกับช่องดักลมลายตาข่ายบริเวณด้านล่างกันชนหน้า เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยโลโก้ VW แบบเรืองแสงที่เข้าชุดกันกับไฟ LED bar บริเวณด้านหน้า ขณะที่ด้านท้ายยังคงติดตั้งไฟท้าย LED แบบคาดยาวตลอดตัวรถเหมือนรุ่นปกติ พร้อมด้วยโลโก้ VW ที่ทำหน้าที่เป็นไฟเบรกในตัว แต่เมื่อเหลือบลงมามองชายด้านล่างจะพบกับลวดลายของแผ่นดิฟฟิวเซอร์ชุดใหม่ ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถอัพเกรดเป็นขนาด 21 นิ้วได้

 

ภายในมาพร้อมเบาะนั่งทรงสปอร์ตพร้อมประทับตรา GTX ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง พร้อมด้วยพวงมาลัยทรงสปอร์ต ตกแต่งด้วยสีแดงและโลโก้ GTX เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีความจุห้องเก็บสัมภาระเท่ากับรุ่นปกติที่ 603 ลิตร และยังสามารถขยายเป็น 1,714 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวหลังลงแบนราบ พร้อมด้วยออฟชั่นหลังคากระจกที่เคลือบด้วยวัสดุ polymer-dispersed liquid crystal (PDLC) ที่สามารถเลือกได้ระหว่างหลังคาแบบทึบแสงและโปร่งแสง จากการกดปุ่มควบคุม

 

Volkswagen ID.7 GTX Tourer เลือกใช้มอเตอร์คู่พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมพละกำลังสูงสุด 335 แรงม้า อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนหลักส่วนใหญ่จะเลือกใช้มอเตอร์ที่เพลาล้อคู่หลังที่มีพละกำลังเพียงพออยู่ที่ 282 แรงม้า และมอเตอร์ที่เพลาล้อคู่หน้าจะเข้ามาช่วยยามต้องการอัตราเร่งอย่างทันใจ และมีการจัดการการส่งกำลังด้วย differential lock แบบไฟฟ้า และสมองกลควบคุมการกระจายแรงบิดล้อทั้ง 4 อย่างชาญฉลาด

 

แบตเตอรี่ยังได้ถูกอัพเกรดจากความจุ 77 kWh เป็น 86 kWh พร้อมความสามารถในการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 200 kW ทำให้สามารถชาร์จจาก 10%-80% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที อย่างไรก็ตามตัวเลขสมรรถนะ อัตราเร่ง และระยะทางที่สามารถวิ่งได้สูงสุดต่อ 1 รอบการชาร์จไม่ได้ถูกระบุไว้ แต่คาดว่าจะสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้เร็วกว่ารุ่นปกติขับเคลื่อนล้อหลังที่ 6.5 วินาที อย่างแน่นอน

Volkswagen จะพร้อมส่งมอบ ID.7 GTX Tourer ได้สำหรับตลาดยุโรปในช่วงฤดูร้อนปี 2024 นี้

ที่มา: Motor1