Audi เปิดตัวรถรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน Premium Platform Electric (PPE) ที่ใช้ร่วมกันกับ Porsche Macan EV ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อเดือนก่อนหน้า โดยมีจุดเด่นที่แรงดันไฟฟ้าในการทำงานที่สูงถึง 800V ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ชุด ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และยังสามารถกระจายน้ำหนักหน้า-หลังได้อย่างเหมาะสม

 

งานออกแบบภายนอกมีเอกลักษณ์ของ Audi อยู่ครบถ้วน โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบแยกส่วน พร้อมด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบปิดบางส่วน ทำให้ Q6 E-Tron เปรียบเสมือนรถ SUV ทั่วไป ที่ไม่ได้โดดเด่นและฉีกจากรถ SUV รุ่นอื่นๆ ของค่าย โดยยังได้คำนึงถึงหลักทางอากาศพลศาสตร์และประสิทธิภาพในการขับขี่ ไฟหน้าเทคโนโลยี Matrix LED ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่เป็ฯแหล่งกำเนิดของลำแสงย่อยจำนวนกว่า 61 ชิ้น  ไฟท้ายโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี OLED 2.0 ที่สามารถปรับการแสดงผลได้สูงสุด 8 รูปแบบตามแต่ละสถานการณ์ เช่น เมื่อถอยจอดเข้าข้างขอบทาง เบรกฉุกเฉิน รวมไปถึงการเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเมื่อเกิดเหตุจำเป็น

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจาก PPE platform ที่ทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงและการกระจายน้ำหนักที่สมดุลกว่ารถ EV ทั่วไป โดยได้ย้ายตำแหน่งของการติดตั้งชุดแขนบังคับของระบบบังคับเลี้ยวไปไว้ที่บริเวณด้านหน้าของชุดช่วงล่างด้านหน้า เพื่อให้มีการจัดวางแบตเตอรี่ได้อย่างอิสระ เป็นที่มาของการกระจายน้ำหนักที่ดี รวมไปถึงการออกแบบจุดยึดของระบบบังคับเลี้ยว ที่ยึดเอาช่วงซับเฟรมเป็นหลัก และยังได้ทำการปรับแต่งช่วงล่างมาเพื่อให้สามารถควบคุมรถได้อย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

 

ภายในมาพร้อมกับแผงคอนโซลดีไซน์ใหม่หมดจด โดยได้นำมาใช้ในรุ่น Q6 E-Tron เป็นครั้งแรก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 11.9 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว รวมไปถึงหน้าจอสำหรับความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหน้าอีกชุด ที่มาพร้อมขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งติดตั้งในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้ พร้อมด้วยออปชั่นจอแสดงผลแบบ heads-up display ขนาดใหญ่ ที่ฉายข้อมูลที่จำเป็นในการขับขี่ลงบนกระจกบังลมหน้าในระยะที่ยื่นออกไปบริเวณถนน ซึ่งไม่ได้ทำให้มุมมองในการขับขี่เปลี่ยนแปลงไป

 

ทั้งหมดนี้จะทำงานภายใต้โครงสร้างระบบที่ Audi เรียกว่า E3 (End-to-End Electronic) ที่มาพร้อมผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งสามารถสั่งงานได้ด้วยเสียง โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่คอยสังเกตและเรียนรู้การใช้งานของผู้ขับขี่ ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานจาก Android OS อีกทั้งยังมาพร้อมการอัพเดทแบบ Over-The-Air เพื่อให้สามารถแก้ไขและเพิ่มเติมฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างเป็นปัจจุบัน

 

โดยรุ่น Q6 E-Tron มอเตอร์คู่ จะมาพร้อมพละกำลังสูงสุด 462 แรงม้า (PS) ขณะที่รุ่น SQ6 จะได้รับการอัพเกรดเป็น 517 แรงม้า (PS) ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 จะเป็นตัวเลขสมรรถนะเมื่อเรียกใช้โหมด launch control และหากวิ่งแบบปกติทั่วไป จะมีให้ใช้งานที่ 428 แรงม้า (PS) และ 489 แรงม้า (PS) ตามลำดับ โดยตัวเลขทั้งหมดนี้จะเป็นของเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ ขณะที่เวอร์ชั่น international ตัวเลขของ Q6 E-Tron จะเหลือเพียง 387 แรงม้า (PS)

  • อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายในเวลา 5 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม. / ชม.ในรุ่น Q6 E-Tron
  • อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายในเวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม. / ชม.ในรุ่น Q6 E-Tron (International version)
  • อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายในเวลา 4.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม. / ชม.ในรุ่น SQ6 E-Tron

ทั้ง 2 รุ่นมอเตอร์คู่จะเลือกใช้แบตเตอรี่ความจุ 94.9 kWh (Net) Audi เคลมตัวเลขระยะทางสูงสุดตามมาตรฐาน EPA ของสหรัฐอเมริกาไว้ที่ 300 ไมล์ หรือประมาณ 480 กิโลเมตร ในรุ่นมาตรฐาน ขณะที่รุ่น SQ6 ไม่ได้มีตัวเลขระบุอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะน้อยกว่าอย่างชัดเจน โดยทั้งคู่สามารถชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรงกำลังไฟฟ้าสูงสุด 270 kW จาก 10% จนถึง 80% ได้ภายในเวลา 21 นาที

 

หลังจากนี้ Audi จะเปิดตัว Q6 E-Tron เวอร์ชั่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังตามมาในอนาคต พร้อมด้วยรุ่น Long range ที่วิ่งได้ระยะทางเพิ่มมากขึ้น และรูปแบบตัวถัง Sportback ขณะที่รุ่นมอเตอร์คู่นี้จะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าชาวอเมริกาเหนือได้ภายในเดือนตุลาคม 2024 นี้ พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ที่มา: Audi