ความนิยมรถตรวจการพื้นฐานรถกระบะสำหรับตลาดอเมริกาเหนือนั้นกลับมาคึกคักอยู่ไม่น้อย เมื่อค่าย Toyota เปิดตัวรถอเนกประสงค์สืบทอดตำนานอย่าง Land Cruiser (Prado) รหัสตัวถัง J250 ทรงเหลี่ยมสันไปเมื่อปลายปี 2023 โดยยังได้ทำตลาดยุโรปไปเมื่อต้นปี 2024 นี้อีกด้วย ซึ่งสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน TNGA: GA-F

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรถตรวจการต้นตระกูลจากรุ่น Surf ที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับนักเลงรถสายลุยบ้านเรา โดยยังมีอีกชื่อเรียกว่า 4Runner และเจเนอเรชั่นที่ 5 รหัสตัวถัง N280 ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2009 และทำตลาดจนถึงปี 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการใช้เทคโนโลยียุค 2000 ตอนกลาง ทำให้มีจุดเด่นด้านความทนทานในการใช้งาน รวมไปถึงขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน V6 ไร้ระบบอัดอากาศความจุ 4.0 ลิตร พ่วงกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมกับการปรับรายละเอียดให้ทันสมัยมาโดยตลอด รวมไปถึงการเพิ่มรุ่นย่อย TRD Pro เพื่อเอาใจสายลุยเช่นเดียวกับสมาชิกในแบรนด์รุ่นอื่นๆ

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2024 มาพร้อมรหัสตัวถัง N410 ที่เลือกใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน TNGA: GA-F เช่นเดียวกับรุ่นพี่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Tacoma ที่เปรียบเสมือนเวอร์ชั่นกระบะของ 4Runner

 

งานออกแบบภายนอกมาพร้อมเส้นสายเหลี่ยมจัด ตามสไตล์ตัวลุยยุคใหม่ พร้อมด้วยการตกแต่งที่หลากหลายตามรสนิยมขอลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้น SR5 ตามมาด้วยรุ่นหรูหรามากยิ่งขึ้น Premium Limited และ Platinum ขณะที่รุ่นที่ตกแต่งสำหรับสายลุยอย่าง TRD Pro และ Trailhunter ที่ตกแต่งในแนวทางเดียวกับรุ่นพี่

 

โดยรุ่นท๊อปอย่าง Trailhunter จะมาพร้อมล้อลายเฉพาะเปรียบเสมือนออกจากสำนักแต่ง พร้อมด้วยยางออฟโรดขนาด 33 นิ้ว พร้อมด้วยชุดยกสูงขึ้นอีก 2 นิ้ว ด้านหน้า และ 1.5 นิ้วที่ด้านหลัง พร้อมด้วยโช้คอัพจากแบรนด์ Old Man Emu สำหรับสายออฟโรดโดยเฉพาะ รวมไปถึงระบบปรับความหนืดจาก ARB รวมถึงแร็คหลังคาจากแบรนด์เดียวกัน พร้อมด้วยท่อหายใจสำหรับการลุยผ่านน้ำลึก พร้อมด้วยอุปกรณ์ตกแต่งรอบคัน โดยเฉพาะกระจังหน้า T O Y O T A ตามสไตล์ตัวลุยรุ่นเก่า

 

ภายในมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานเต็มพิกัด แต่ยังคงมีความกั๊กในส่วนของหน้าจอสัมผัสที่รุ่นเริ่มต้นจะเลือกใช้ขนาด 8 นิ้ว พร้อมด้วยหน้าจอมาตรวัดแสดงผลสำหรับการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว โดยในรุ่นสูงขึ้นจะอัพเกรดเป็นขนาด 14 และ 12.3 นิ้ว ตามลำดับ ทั้งหมดนี้จะมาพร้อมการเชื่อมต่อ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมด้วย Wireless charging

 

ขุมพลังที่เลือกใช้มีทั้งแบบพื้นฐาน เบนซิน 2.4 ลิตร

  • เครื่องยนต์ T24A-FTS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 281 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 513 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8 จังหวะ

และเบนซิน 2.4 ลิตร Turbo Hybrid หรือ I-Force Max hybrid

  • เครื่องยนต์ T24A-FTS เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Hybrid กำลังสูงสุด 330 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-shift 8

ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบ 2 ล้อหลัง แบบ Part-time 4WD และแบบ Full-time 4WD พร้อม Torsen limited-slip

ทางด้านความปลอดภัย 4Runner ยังมาพร้อมแพ็คเกจ  Safety Sense 3.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย ที่มาพร้อมระบบเบรกฉุกเฉิน พร้อมด้วยระบบตรวจจับคนเดินข้ามถนน ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ และระบบบังคับรถให้อยู่ภายในเลน

ที่มา: Motor1