เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2024 Mercedes-AMG เปิดตัวรุ่นแรงสุดในตระกูล GT 63 ด้วยรุ่น GT 63 S E PERFORMANCE ในร่างของรถสปอร์ต Coupe ฝาแฝดของ SL 63 S E Performance ที่นับว่าเป็นรถที่ออกจากสายพานการผลิตสำหรับวางจำหน่ายจริงที่ทรงพลังที่สุดนับตั้งแต่วางจำหน่ายรถถนนเป็นต้นมา เนื่องจากรุ่นเปิดหลังคามีอัตราเร่งจาก 0-100 กม. / ชม. ช้ากว่าที่ 2.9 วินาที

 

งานออกแบบภายนอกยังคงอ้างอิงกับ SL 63 S E Performance ที่จะแตกต่างกับรุ่น GT 63 4MATIC+ ปกติ ในส่วนของชิ้นส่วนตกแต่งตามบริเวณต่างๆของตัวถัง พร้อมด้วยเทคโนโลยี active aero system เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของชุดพลังขับเคลื่อนให้เหมาะสมที่สุด พร้อมด้วยล้ออัลลอยเป็นแบบน้ำหนักเบา ขนาด 20 นิ้ว ลาย AMG Multi-spoke รัดด้วยยางต่างไซส์หน้า-หลัง สำหรับด้านหน้าขนาด 265/40 R20 ส่วนด้านหลังเป็นขนาด 295/35 R20

 

จุดที่พอจะทำให้แยกความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ได้ อยู่ที่สัญลักษณ์ E Performace บริเวณแก้มด้านข้าง สัญลักษณ์ SL 63 S บริเวณฝากระโปรงท้าย ตลอดจนช่องชาร์จไฟที่อยู่ใต้ชุดไฟท้ายฝั่งซ้าย ซึ่งถูกติดตั้งเพิ่มเข้ามาในรุ่น AMG SL 63 S E Performance นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Venturi Effect ใต้ฝากระโปรง หน้าเครื่องยนต์ ซึ่งจะยืดออกได้ 40 มิลลิเมตร ที่ความเร็วเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยเพิ่มแรงกดบริเวณหน้ารถ และมีสปอยเลอร์หลังที่เพิ่มมุมองศาการยกอีก 5 องศา จากรุ่น SL 63 4MATIC+ ช่วยเพิ่มแรงกดบริเวณท้ายรถ ด้วยเช่นกัน

 

ภายในห้องโดยสาร Mercedes-AMG GT 63 S E Performance มาพร้อมเบาะนั่งแบบ 2 + 2 ตำแหน่ง ใช้แนวทางการออกแบบ Hyperanalogue มาพร้อมหน้าจอมาตรวัดแสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับหน้าจอกลางขนาด 11.9 นิ้ว พร้อมระบบ MBUX Multimedia เวอร์ชั่นล่าสุด และยังมีออaชั่นเสริมให้เลือกเป็นเบาะนั่ง AMG performance ซึ่งมีพนักพิงศีรษะเป็นชิ้นเดียวกันกับพนักพิงหลัง พร้อมระบบระบายอากาศ

 

ขุมพลังขับเคลื่อนของ AMG 63 S E Performance มีรูปแบบคล้ายกับ AMG GT63 S E Performance เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ความจุ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.0 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Twin Scroll Bi-Turbocharged กำลังสูงสุด 612 แรงม้า (HP) ที่ 5,750 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 4,500 รอบ/นาที

มาพร้อมขุมพลังที่ใช้ร่วมกันกับรหัส 63 S E PERFORMANCE รุ่นอื่นๆ ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 4.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ติดตั้งที่เพลาล้อคู่หลัง ในรูปแบบ Plug-in hybrid ด้วยชุดแบตเตอรี่ความจุ 6.1 kW รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับกำลังไฟฟ้าสูงสุด 3.7 kW ให้พลังกำลังรวมกว่า 816 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 1,420 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน AMG Performance 4MATIC+ ผ่านเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G

 

ทำให้สามารถสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลา 2.7 วินาที นับว่าเป็นอัตราเร่งที่ทำได้อย่างน่าประหลาดใจ ถึงแม้น้ำหนักตัวรถจะมากกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร และความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.

Mercedes-AMG GT63 S E Performance จะเปิดราคาพร้อมวางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2024

ที่มา: Motor1