เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 Renault เปิดตัวรถ SUV ที่มาพร้อมหน้าตาสดใหม่ที่ภายนอก แต่มีความคุ้นตาที่ภายใน เนื่องจากรถรุ่น Symbioz นี้เป็นการพัฒนาต่อยอดบนงานวิศวกรรมพื้นฐานร่วมกันกับรถ SUV ยอดนิยมที่มีขนาดเล็กกว่าอย่าง Captur หรือ CMF-B platform โดยทาง Renault ตั้งใจจับกลุ่มลูกค้าประเภทครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใ้สอยภาพในแบบจุใจ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความหรูหรากว่าจากรุ่นพี่ Austral เป็นสิ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Renault 16 Scenic and Espace รถสร้างชื่อของค่าย

 

งานออกแบบภาพนอกมีความแปลกใหม่ในด้านเส้นสายของตัวรถ โดยได้นำงานออกแบบด้านหน้าจากรุ่น Austral มาปรับใช้ ผสมผสานกับด้านหน้าของ Captur ใหม่ พร้อมด้วยหลังคากระจก panoramic sunroof แบบปรับแสงได้โดยอัตโนมัติ หรือการสั่งงานจากปุ่มกดและระบบสั่งงานด้วยเสียง เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะอีก 30 มิลลิเมตร โดยเทคโนโลยีนี้มีใช้ในรุ่น Scenic E-Tech

อีกทั้งยังมีรุ่น Esprit Alpine ที่ตกแต่งให้สปอร์ตยิ่งขึ้น โดยไม่ได้เน้นความดุดัน แต่เน้นไปที่ความเรียบหรูเป็นหลั

 

ความยาวตัวถังที่กำลังพอเหมาะอยู่ที่ 4,413 มิลลิเมตร พร้อมด้วยความกว้างตัวถัง 1,797 มิลลิเมตร ความสูง 1,575 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,638 มิลลิเมตร นับว่าเป็นการพัฒนาต่อยอดให้ตัวรถจากโครงสร้างประเภท B-Segment มีขนาดใกล้เคียงรถกลุ่ม C-Segment

 

ภายในมาพร้อมความจุห้องเก็บสัมภาระ 492 ลิตร เมื่อเลื่อนเบาะนั่งแถวหลังให้มีพื้นที่วางขามากที่สุด และสามารถเพิ่มเป็น 624 ลิตร เมื่อเลื่อนเบาะนั่งแถวหลังขึ้นมาชิดเบาะนั่งคู่หน้ามากที่สุด พร้อมความจุห้องเก็บสัมภาระสูงสุด 1,582 ลิตร นอกจากนี้ยังมีการออกแบบให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่เก็บอุปกรณ์ตามจุดต่างๆ รวมกันเป็นความจุ 24.7 ลิตร ที่รวมเก๊ะเก็บของบริเวณผู้โดยสารใหญ่โตขนาด 7 ลิตร

 

ขุมพลังเพียงแบบเดียวในตอนเปิดตัวได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid แบบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 94 แรงม้า พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 36 กิโลวัตต์และแบตเตอรี่ ขนาด 1.2 kWh ทั้งระบบกำลังสูงสุด 145 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ 6 จังหวะ โดย 4 จังหวะเป็นของเครื่องยนต์ และอีก 2 เกียร์เป็นของมอเตอร์ไฟฟ้า

 

ระบบความปลอดภัยครบครัน พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Active Driver Assist และระบบขับขี่อัตโนมัติระดับที่สอง รวมทั้งหมดกว่า 24 ระบบ พร้อมด้วยปุ่มฟังก์ชั่นลัด ที่สามารถปิดระบบช่วยเหลือทางขับขี่ ADAS ได้สูงสุด 6 ระบบเพียงปุ่มเดียว นับว่าเป็นความจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่บางท่านที่รำคาญระบบช่วยเหลือมากเกินไป

ที่มา: Carscoops