เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา FAW Hongqi ได้เผยภาพอย่างเป็นทางการของรถซีดานขุมพลังไฟฟ้าล้วนรุ่น Tiangong 05 ซึ่งถือเป็นรถซีดานรุ่นแรกและเป็นรุ่นที่สองในซีรีส์ Tiangong โดยคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงตรุษจีนและวางจำหน่ายภายในปี 2025 นี้

รถยนต์ซีรีส์ Tiangong ของ Hongqi ประกอบด้วยไลน์อัพรถ SUV ขุมพลังไฟฟ้าล้วนสุดหรูขนาดกลางและขนาดใหญ่ และรถซีดานขุมพลังไฟฟ้าล้วน โดยมีสมาชิกล่าสุดเป็น Tiangong 08 รถ SUV ที่ได้เริ่มวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้

 

Tiangong 05 คือเวอร์ชั่นผลิตจำหน่ายจริงของรถต้นแบบรุ่น Hongqi E009 Concept โดยใช้แพลตฟอร์มขุมพลังไฟฟ้า Tiangong ที่รองรับรถซีดาน SUV และ MPV งานออกแบบด้านหน้ารถมีไฟหน้ารูปทรงเรียว ส่วนกระจังหน้าบริเวณด้านล่างมีดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู มาพร้อมโลโก้รถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) ของ Hongqi ที่ถูกแทนที่ด้วยโลโก้แนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ที่ยื่นไปถึงฝากระโปรงหน้า

ด้านข้างของตัวรถใช้เส้นสายแบบรูปทรง Fastback พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์รูปกลีบดอกไม้ขนาด 18 นิ้วและมือจับประตูแบบซ่อนเนียนไปกับตัวถัง ส่วนด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายรูปทรง “Y” ตัวรถมีขนาด ยาว x กว้าง x สูง ที่ 4,820 x 1,915 x 1,480 มิลลิเมตรและระยะฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนักรถให้ 1,890 และ 2,018 กิโลกรัม

 

ตัวรถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังสูงสุด 282 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) จาก CATL-FAW รองรับระยะทางวิ่งสูงสุดตามมาตรฐาน CLTC ที่ 550 และ 750 กิโลเมตร ตามแต่ละรุ่นย่อยและมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งด้วยวัสดุโทนสีส้ม พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 2 ก้านตามสมัยนิยม หน้าจอกลางแบบลอยตัว ที่มาพร้อมระบบ AR-HUD ขนาด 65 นิ้วแทนที่แผงหน้าปัดแบบดั้งเดิม คอนโซลกลางแบ่งชั้นพร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50W และที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง โดยส่วนล่างเว้นช่องว่างให้ดูโปร่งโล่ง

 

นับตั้งแต่ประกาศกลยุทธ์ “All in” สำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2023 บริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ย่อย 3 แบรนด์ ได้แก่ Hongqi Golden Sunflower, Hongqi New Energy และ Hongqi Energy Saving Vehicle ล่าสุดซีรีส์ Tiangong ได้ถูกนำเข้าสู่ตลาดเพื่อแข่งขันในกลุ่มยานยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) ทำให้ในปี 2024 ที่ผ่านมา Hongqi มียอดขายกว่า 410,000 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับปี 2023 ภายหลังจากการเดินหน้าลุยตลาดอย่างเต็มสูบ

ที่มา: Carnewschina