เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025 Volkswagen เปิดตัว ID. Every1 รถต้นแบบขุมพลังไฟฟ้าล้วนระดับเริ่มต้นที่มีราคาจำหน่ายเป็นมิตร โดยเป็นการสานต่อจากรถ EV ตัวถัง Hatchback รุ่น e-up! ที่ยุติการผลิตไปเมื่อปี 2023 งานออกแบบของ ID. Every1 ได้รับแรงบันดาลใจจากรถยอดนิยมอย่าง Golf Mk1 ซึ่งออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro โดดเด่นด้วยเส้นสายตัวถังแบบเรียบง่ายและขอบสีดำบริเวณกระจกหลังที่คล้ายกับ Golf GTI รุ่นปี 1976 มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ที่อาจเป็นการชูเส้นสายให้โดดเด่นยิ่งขึ้นเท่านั้น และอาจไม่ได้มีให้เลือกในเวอร์ชั่นจำหน่ายจริง

 

ID. Every1 มีความยาวตัวถัง 3,880 มิลลิเมตร ซึ่งยาวกว่ารุ่น e-up! ถึง 280 มิลลิเมตร แต่ยังสั้นกว่า ID.2 ที่เปิดตัวก่อนหน้า 170 มิลลิเมตร โดยมีความสูง 1,490 มิลลิเมตร. และความกว้าง 1,816 มิลลิเมตร

จุดเด่นอยู่ที่ห้องโดยสารกว้างขวางเมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ ที่เกิดจากการออกแบบให้พื้นที่กว้างขวางเทียบเท่า Polo และสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 4 คน พร้อม พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระ 305 ลิตร

 

ระบบ Infotainment ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งปุ่มกดลัดด้านล่างหน้าจอและพวงมาลัยสองก้านที่ยังคงใช้ปุ่มที่กดได้จริง ไม่ใช้ปุ่มแบบระบบสัมผัส ซึ่ง Volkswagen ได้รับเสียงตอบรับในเชิงลบตั้งแต่ Golf Mk 8 จึงได้เปลี่ยนแนวทางตั้งแต่รุ่นปรับโฉมเป็นต้นมา ติดตั้งลำโพง Bluetooth แบบถอดได้ อยู่บริเวณคอนโซลกลาง เพื่อไลฟ์สไตล์คนรักเสียงเพลงที่นำไปใช้นอกตัวรถได้ โดดเด่นด้วยคอนโซลกลางแบบเลื่อนหน้า-หลังได้ คล้าย ID. Buzz เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยตามต้องการ รางเสริมบนแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารที่สามารถติดตั้งแท็บเล็ตหรือชั้นวางของได้อิสระ

 

ID. Every1 ใช้แพลตฟอร์ม MEB FWD แบบเดียวกันกับ ID.2 ซึ่งมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด 94 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม. แม้ว่า Volkswagen ยังไม่เปิดเผยความจุของแบตเตอรี่ แต่เคลมว่ามีระยะวิ่งต่อ 1 รอบการชาร์จไม่น้อยกว่า 250 กม.

 

เมื่อไล่เรียงไทม์ไลน์การเปิดตัวของรถในตระกูล ID. ที่มีขนาดเล็ก สามารถเรียบเรียงได้ว่า จะมีการเปิดตัวของ ID.2 ในปี 2025 และจะมีรุ่น GTI และ Crossover ID.2X ตามมาในภายหลัง ขณะที่ ID.1 ซึ่งพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจาก ID. Every1 คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2027

นอกจากนี้ Volkswagen ยังบอกใบ้อีกว่า รถ EV เหล่านี้อาจมาพร้อมฟังก์ชันที่ต้องเสียเงินสมัครสมาชิกรายเดือนหรือรายปีเพื่อปลดล็อกการใช้งาน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่หลายค่ายรถเริ่มนำมาใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

Every1 ถือเป็นก้าวสำคัญของ Volkswagen ในการผลักดันรถ EV ราคาประหยัดสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ Volkswagen ที่เป็นประเด็ดสำคัญ คือการพัฒนาซอฟต์แวร์และบริการ Digital ให้เสถียรและใช้งานได้ง่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้าในอนาคต